ธุรกิจ
Bentley ฉลอง 75 ปี ศูนย์กลางการผลิต
ครูว์-Bentley Motors ฉลอง 75 ปีแห่งการเป็นศูนย์กลางการผลิตอัครยนตรกรรมหรู ณ เมืองครูว์ สหราชอาณาจักร โดยมีอัครยนตรกรรมในตำนานอย่างรถยนต์ Bentley (เบนท์ลีย์) รุ่น MK 5 (MK V) อัครยนตรกรรมรุ่นสุดท้ายที่ผลิต ณ เมืองดาร์บี ก่อนที่จะเริ่มฐานการผลิตใหม่ ณ เมืองครูว์ ในเดือนพฤษภาคม ปี พศ. 2489 ซึ่งได้เผยโฉมเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้บริเวณหน้า โรงงาน Bentley Motors เมืองครูว์ ฐานการผลิตอัครยนตรกรรมรุ่นปัจจุบันของ Bentley Motors
ช่วง 75 ปีที่ผ่านมา อัครยนตรกรรมหรูจำนวนกว่า 197,086 คัน หรือคิดเป็น 97 % ของสายการผลิตทั้งหมดของ Bentley Motors ได้ถูกประกอบด้วยแรงงานของช่างฝีมือชั้นยอด กลายเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สำคัญ โดยมีอัครยนตรกรรมกว่า 38,933 คันถูกประกอบก่อนหน้าโมเดลในยุคปัจจุบันอย่าง Continental GT (คอนทิเนนทัล จีที) และ Bentayga (เบนเทย์กา) ที่เปิดตัวไปในช่วงที่ผ่านมา
โดยประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า 84 % ของอัครยนตรกรรมที่ประกอบขึ้นทั้งหมด ณ เมืองครูว์ เพื่อจำหน่ายในสหราชอาณาจักรนั้นยังคงโลดแล่นอยู่บนท้องถนนจนถึงทุกวันนี้ และจำนวนที่ยังคงเพิ่มมากขึ้น ด้วยศักยภาพในการผลิตของ Bentley Motors ที่ผลิตอัครยนตรกรรมกว่า 85/วัน เทียบเท่ากับปริมาณการผลิตในหนึ่งเดือนเมื่อ 2 ทศวรรษที่แล้ว
ปีเตอร์ บอส์ช หนึ่งในคณะกรรมการด้านการผลิต Bentley Motors กล่าวว่า กว่า 75 ปี ที่ฐานการผลิต ณ เมืองครูว์ได้นิยามการผลิตอัครยนตรกรรมหรู ให้เป็นที่ประจักษ์ถึงงานฝีมือ และคุณภาพชั้นเยี่ยม ณ ช่วงเวลานั้น ช่างฝีมือของเราได้ประกอบอัครยนตรกรรมที่โด่งดัง และเป็นที่ต้องการมากที่สุดอย่าง ราชพาหนะที่ใช้ในราชสำนักทั่วโลก และรุ่นที่ออกแบบเฉพาะกิจ
เหนือสิ่งอื่นใด ผมต้องขอยกความดีความชอบให้กับทีมงานช่างฝีมือที่เมืองครูว์ทุกท่าน และผมขอขอบคุณสำหรับความเสียสละ และความทุ่มเทของพวกเขากว่า 30 ปีที่ผ่านมา
แผนการลงทุนล่าสุดของพวกเราได้เปลี่ยนแปลงโรงงาน Bentley Motors ไปสู่ฐานการผลิตในแบบบูรณาการที่ทันสมัย โดยประกอบไปด้วย มาตรการลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ นวัตกรรมการผลิต และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของเราต่อไปอีกในอนาคตข้างหน้า ในส่วนงานอื่นๆ ของโรงงานฯ เราได้มีการนำระบบการผลิตแบบดิจิทอลที่ทันสมัยเข้ามาใช้เพื่อทดแทนแรงงานด้านงานฝีมือแบบดั้งเดิมที่ใช้ในสายการผลิตมาตั้งแต่ปี พศ. 2486
ณ ตอนนี้ เรากำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้กลับมาต้อนรับลูกค้าของเราสู่โรงงานฯ ณ เมืองครูว์เพื่อมาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับทีมงานของเราอีกครั้ง
ย้อนกลับไปในปี พศ. 2462 เมืองครูว์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวของการผลิตอัครยนตรกรรมหรูเมื่อปี พศ. 2481 บริเวณ ถนน Pyms Lane ซึ่งได้เปลี่ยนจากไร่ปลูกมันเป็นฐานการผลิตหลักของเครื่องยนต์เครื่องบินรุ่น Merlin (เมอร์ลิน) ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในช่วงยุคสงคราม เนื่องจากเหตุผลทางด้านการคมนาคมและการเป็นแหล่งการจ้างงานของช่างฝีมือ ซึ่งฐานการผลิตที่เมืองครูว์จึงได้มีการจ้างงานกว่า 10,000 คน ในช่วงปี พศ. 2486
เมื่อสายการผลิตรถยนต์สิ้นสุดลงในช่วงยุคสงคราม ฐานการผลิตเดิม ณ เมืองดาร์บี (Derby) จึงได้เริ่มผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบินเจทในปี พศ. 2489 หลังจากนั้น จึงมีการหาพื้นที่ใหม่ และให้พนักงานยังคงได้ฝึกฝนเทคนิคที่จำเป็นในการผลิตรถยนต์ อาทิ การทำสี การเตรียมการเพื่อป้องกันการสึกกร่อน งานไม้ และงานตัวถังรถ
รถยนต์ Bentley รุ่น MK 6 (MK VI) ได้กลายเป็นรถยนต์ Bentley คันแรกที่ขั้นตอนการประกอบทั้งหมดดำเนินการที่โรงงาน Bentley Motors เมืองครูว์ และเป็นรถยนต์คันแรกที่ตัวถังของรถประกอบด้วยเหล็กเป็นมาตรฐาน เครื่องยนต์ขนาด 4.3 ลิตร 6 เครื่องยนต์ซึ่งถูกประกอบเข้ากับตัวถังในช่วงเปิดตัวได้ถูกอัพเกรดเป็นเครื่องยนต์ขนาด 4.6 ลิตร ในปี พศ. 2494 โดย รถยนต์ Bentley รุ่น MK 6 (MK VI) ได้ถือเป็นสัญลักษณ์ของการถือกำเนิดของสายการผลิตอัครยนตรกรรม Bentley ในยุคใหม่ และถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มียอดขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์
อัครยนตรกรรม Bentley ที่โดดเด่นอีกหลายรุ่นที่ผลิตตามออกมา ณ โรงงาน Bentley Motors เมืองครูว์ ไม่ว่าจะเป็น รุ่น R-Type Continental (อาร์-ไทพ์ คอนทิเนนทัล) รุ่น Turbo R (เทอร์โบ อาร์) รุ่น Arnage (อาร์นาจ) และ รุ่น Azure (อาเซอร์)
ทราบกันดีว่า ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับโรงงาน Bentley Motors เมืองครูว์ ในปี พศ. 2541 ตามมาด้วยการควบรวมกิจการของ Volkswagen Group ซึ่ง ทาง Volkswagen Group ก็ได้ลงทุนอย่างมหาศาลในการปรับปรุงโรงงานฯ และเปลี่ยนผ่านสู่โรงงาน Bentley Motors ที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ผลิกหน้าประวัติศาสตร์สู่ยุครุ่งเรืองของ Bentley Motors
Pyms Lane ยังคงเป็นศูนย์กลางของโรงงาน Bentley Motors เมืองครูว์ ตั้งแต่ก่อตั้งโรงงานฯ ในปี พศ. 2481 ที่ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์รักษ์โลก และผู้ผลิตอัครยนตรกรรมหรูแห่งแรกที่ประสบความสำเร็จ
อีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า Bentley Motors จะเปิดตัวอาคารศูนย์วิจัย และพัฒนา (R&D Building) และศูนย์ทดสอบทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ (Engineering Test Centre) ซึ่งทั้ง 2 แห่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนแผนงานของ Bentley Motors สู่การผลิตอัครยนตรกรรมไฟฟ้า
แผนงานที่ Bentley Motors กำลังดำเนินการสำหรับสายการผลิต คือ ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Beyond100” ซึ่ง Bentley Motors ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมหรูรักษ์โลกแบบเต็มรูปแบบภายในปี พศ. 2573 พร้อมกับมาตรการลดปริมาณการปล่อยแกสเรือนกระจกของโรงงานฯ เมืองครูว์ หลังจากนั้น
Bentley Motors เตรียมมุ่งสู่ผู้ผลิตอัครยนตรกรรมไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ (PHEV & BEV) ภายในปี พศ. 2569 หลังจากนั้น อัครยนตรกรรมของ Bentley จะเปลี่ยนสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ภายในปี พศ. 2573 กลยุทธ์ “Beyond100” จะผลิกโฉม Bentley ในทุกมิติ เพื่อเตรียมมุ่งสู่ศตวรรษที่ 2 ของผู้ผลิตอัครยนตรกรรมหรูชั้นนำของโลก
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/370842