รายงานข่าวจาก mining.com ระบุว่า ราคาของรถไฟฟ้าในปัจจุบันเริ่มลดลง หลังจากเทคโนโลยีด้านชุดแบทเตอรี มีความสามารถที่สูงขึ้นในปี 2563 จำนวนการขายรถไฟฟ้าทั่วโลก มีอยู่ราว 3.2 % ของรถยนต์ที่จำหน่ายทั้งหมด นับว่าค่อยๆ เพิ่มจำนวนรถไฟฟ้าให้มากขึ้น รวมถึงราคาของชุดแบทเตอรีเริ่มถูกลง ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะการปรับปรุงกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ขณะที่ราคาของชุดแบทเตอรี ทำการผลิตได้ด้วยราคาที่ถูกลง ทำให้รถไฟฟ้าเพิ่มปริมาณมากขึ้น กฎเกณฑ์ Wright’s Law ที่คิดค้นโดย Theodore Wright นับแต่ปี 2479 กล่าวถึงแนวทางการลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ในกรณีที่ผลิตจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะหากผลิตเพิ่มเป็น 2 เท่า ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยก็จะลดลง เมื่อนำ Wright’s Law มาพิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่า ราคาของชุดแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (Lithium-ion) จะลดลง 28 % เมื่อคำนวณจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มจำนวนเป็น 2 เท่า ในอนาคตการประเมินราคาของชุดแบทเตอรี ก็จะต่ำลงเช่นเดียวกับการรายงานราคาชุดแบทเตอรี ก็สอดคล้องไปกับกฎเกณฑ์ดังกล่าว รวมทั้งราคาของชุดแบทเตอรี ซึ่งนับเป็นชิ้นส่วนที่มีราคาแพงที่สุดในรถไฟฟ้าทุกคัน ทำให้ราคาของรถไฟฟ้า เริ่มถูกลง ตามราคาของชุดแบทเตอรี ภายในปี 2566 ประเมินว่า ราคาของชุดแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน จะลดลงเหลือเพียง 100 เหรียญสหรัฐฯ/กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ราคาของรถไฟฟ้า ถูกกว่าราคาของรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน นอกเหนือจากนั้น ราคาค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของรถไฟฟ้า ก็จะเทียบได้กับราคาของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน เมื่อสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการเติมเชื้อเพลิง การบำรุงรักษา ราคาขายต่อ และทำให้ราคาจำหน่ายสามารถขายได้ในราคาที่ใกล้เคียงกัน ทั้งรถไฟฟ้า และรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน พิจารณาได้จากราคาจำหน่ายปลีกของรถไฟฟ้า ที่มีระยะเดินทาง 550 กม. จะเท่ากันกับราคาจำหน่ายของ Toyota Camry ภายในปี 2566 และประเมินว่า ราคาของรถไฟฟ้าดังกล่าว จะลดลง 53 % ระหว่างปี 2564-2568 จะทำให้ราคาของรถไฟฟ้า ถูกกว่า Camry ประมาณ 8,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 240,000 บาท แม้ว่าประมาณการผลิตของรถไฟฟ้า จะเพิ่มมากขึ้น ทำให้กิจการเหมืองแร่ที่เกี่ยวเนื่อง ก็ต้องเพิ่มตามไปด้วย เช่นเดียวกับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการสนับสนุนรถไฟฟ้า ตั้งแต่สถานีบริการชาร์จชุดแบทเตอรี การสนับสนุนทางด้านภาษี และอื่นๆ ราคาจำหน่ายของรถไฟฟ้า เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ค่ายรถยนต์จะต้องต่อสู้เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนด้านภาษี เพื่อราคาจำหน่ายที่ถูกลงสำหรับผู้บริโภค ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่ผู้ผลิตรถไฟฟ้า จะต้องต่อสู้อีกยาวไกล