รายงานข่าวจากกรุงโตเกียว ระบุว่า Toyota Motor ประกาศผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2564 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 สิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2564 จำหน่ายรถยนต์ทั้งยี่ห้อ Toyota และ Lexus ได้ทั้งสิ้น 9.087 ล้านคัน ทั่วโลกเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 ซึ่งจำหน่ายยี่ห้อ Toyota และ Lexus ทั่วโลกได้ทั้งสิ้น 9.466 ล้านคัน ลดลง 4 % จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 หลังเกิดโรคระบาดร้ายแรง COVID-19 สืบเนื่องมาจากมีประกาศปิดเมืองในหลายพื้นที่ Toyota ระบุว่า จำหน่ายได้ประมาณ 2.155 ล้านคัน หรือ 23.7 % และ 9.087 ล้านคัน เป็นรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า โดยแบ่งเป็น รถไฮบริด มากที่สุด 2.087 ล้านคัน, ตามมาด้วยรถไฮบริด-ไฟฟ้า แบบเสียบปลั๊ก 59,000 คัน, รถไฟฟ้าพลังแบทเตอรี 6,000 คัน และรถไฟฟ้าพลังไฮโดรเจน 3,000 คัน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2563 ที่มีส่วนแบ่งของรถไฟฟ้าเพียง 20.3 % จำนวน 1.919 ล้านคัน จากยอดรวมทั้งสิ้น 9.466 ล้านคัน ถ้ารวมยี่ห้อในเครือ Daihatsu และ Hino เข้าไปด้วย ยอดโดยรวมจะเป็น 9.92 ล้านคัน ซึ่งยังน้อยกว่าสถิติที่เคยทำได้เมื่อปีงบประมาณ 2562 ถึง 10.457 ล้านคัน อันเนื่องมาจากปรากฏการณ์คลื่นความเย็นในสหรัฐอเมริกา, เหตุการณ์ฝนตกในปริมาณมากทำให้เกิดน้ำท่วมในญี่ปุ่น, เหตุการณ์โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์, วิกฤตการณ์ขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ รวมทั้งการเกิดเพลิงไหม้โรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วน สรุปผลประกอบการทั้งสิ้น ทำให้รายได้จากผลการปฏิบัติงานลดเหลือ 2.2 ล้านล้านเยน ในปีงบประมาณ 2564 จากปีงบประมาณ 2563 ที่ทำไว้ได้ 2.4 ล้านล้านเยน เมื่อแยกตามภูมิภาคแล้ว มีเพียงตลาดอเมริกาเหนือและเอเชีย ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดในญี่ปุ่น, ยุโรป และตลาดอื่นๆ ลดลง สำหรับปีงบประมาณ 2565 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2565 Toyota คาดว่ายอดขายน่าจะทำได้ 9.6 ล้านคัน หรือเมื่อรวมยี่ห้อในเครือ ตัวเลขควรจะเป็น 10.55 ล้านคัน จากผลประกอบการจะสามารถทำรายได้โดยรวม 2.5 ล้านล้านเยน