สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานข่าวจากประเทศอินเดีย ระบุว่า รัฐบาลอินเดีย เตรียมแผนงานที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ วางแผนที่จะลงทุน 14 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 420 พันล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี ในส่วนของอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า จะได้รับเงินสนับสนุน ทั้งผู้ผลิตและผู้ผลิตชิ้นส่วน ระยะเวลา 5 ปี ภายในวงเงิน 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 240 พันล้านบาทจากร่างแผนงาน เพื่อเตรียมการสำหรับผู้ผลิตราว 4-7 % เป็นเงินสนับสนุนในการขายและส่งออก ตามมูลค่าของรถยนต์และชิ้นส่วน โดยในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า และชิ้นส่วน จะได้รับเงินเพิ่ม 2 % เป็น Growth Incentive อีกต่างหาก การสนับสนุนผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์นี้ เป็นส่วนหนึ่งของ Program มูลค่า 27 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 810 พันล้านบาท ที่รัฐบาลต้องการซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ผลิตทั่วโลก และต้องการเป็นผู้ผลิตหนึ่งในห่วงโซ่ยานยนต์รถไฟฟ้า และการส่งออก ขณะที่นโยบายของรัฐบาล อินโดนีเซีย, ไทย และ เวียดนาม ต่างก็คาดหวังการลงทุนจากผู้ผลิตในอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าเช่นกัน และให้การสนับสนุนทางด้านภาษีอย่างมากอยู่แล้ว แต่สำหรับอินเดีย ยังมีปัญหาเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แหล่งพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่พอเพียง อีกทั้งค่าใช้จ่ายทางด้านโลจิสติคส์ก็สูงมาก โดยรัฐบาล คาดหวังเงินการลงทุนจากต่างประเทศ ราว 14 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 420 พันล้านบาท และรายได้จากภาษีราว 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ ราว 120 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี แหล่งข่าวระบุว่า “แผนงานที่ต้องการสนับสนุนนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตมองข้ามความไม่พร้อมของประเทศ และช่วยให้เกิดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น” ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะได้ประโยชน์จากแผนงานในครั้งนี้ จะต้องมีรายได้จากทั่วโลก อย่างต่ำ 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 42 พันล้านบาท ขณะที่ผู้ผลิตชิ้นส่วน จะต้องมีรายได้ 69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,070 ล้านบาท รวมทั้งจะต้องมีการเจริญเติบโตปีละ 8 % Nitin Gadkari รัฐมนตรีการขนส่งและทางหลวง ให้สัมภาษณ์ว่า ค่าย Tesla วางแผนจะเริ่มการดำเนินงานในอินเดีย ในปี 2564 โดยจะเริ่มต้นจำหน่ายรถไฟฟ้าสั่งนำเข้า รวมทั้งพิจารณาแผนงานที่จะทำการผลิตในอินเดีย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด โดยจะสามารถส่งมอบรถยนต์ได้ภายในครึ่งหลังของปี 2564
บทความแนะนำ