รายงานข่าวจากเยอรมนี ระบุว่าหลังจาก กลุ่ม Volkswagen ลงมือปรับลดค่าใช้จ่าย ด้วยการลดจำนวนพนักงาน แล้วหันมามุ่งจำหน่ายรถไฟฟ้า เพื่อต่อสู้กับคู่แข่งอย่าง Tesla รวมทั้งคู่แข่งรายสำคัญเจ้าประจำอย่าง Daimlerกลุ่ม Volkswagen ประกาศตั้งเป้าการจำหน่ายรถไฟฟ้า ภายในปี 2564 นี้ ให้ได้ 1 ล้านคัน และต้องการก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการจำหน่ายรถไฟฟ้า ในปี 2568 เป็นอย่างช้า หลังจากมีข้อมูลระบุว่า ภายในปี 2573 ส่วนแบ่งของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในยุโรป จะเพิ่มขึ้นมากถึง 60% ของยอดการจำหน่ายรถยนต์ในกลุ่ม “ด้วยการกระชับความเข้มแข็งของรถยนต์แต่ละยี่ห้อในเครือ เราจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับอนาคตได้อย่างรวดเร็ว” แถลงการณ์ของ ซีอีโอ Herbert Diess ระบุ กลุ่ม Volkswagen สะสางแผนงานของกลุ่มรถยนต์ในเครือ เพื่อรวบรวมเงินทุนสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมทั้งวางแผนที่จะผลิตรถไฟฟ้าจำนวนมาก การก่อสร้างโรงงานผลิตชุดแบทเตอรีในยุโรปแห่งใหม่ แม้จะประสบปัญหาที่ต้องเจรจากับสหภาพ หลังจากปรับลดจำนวนพนักงานจำนวนมาก ในเยอรมนี กลุ่ม Volkswagen ตั้งเป้าที่จะเสริมสร้างความสามารถของการปฏิบัติงาน ด้วยการพัฒนาซอฟท์แวร์, ชุดแบทเตอรี และโครงสร้างพื้นฐาน โดยวางแผนที่จะลดค่าใช้จ่ายคงที่ลงราว 5% หรือราว 2 พันล้านยูโร ราว 80 พันล้านบาท ให้ได้ภายในปี 2566 รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านวัสดุอุปกรณ์ลง 7% กลุ่ม Volkswagen คาดหวังว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จะปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ระหว่าง 5-6.5% ในปีนี้ แม้ว่าความพยายามในปีที่ผ่านมา จะประสบปัญหาโรคระบาดร้ายแรง COVID-19 ที่ทำให้ต้องปิดสายการผลิต และโชว์รูมก็ตาม รวมทั้งในปัจจุบัน ก็ประสบปัญหาความขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ ทำให้สายการผลิตต้องล่าช้าเช่นกัน กลุ่ม Volkswagen ประกาศถึงแผนงานจัดสร้าง กิกะแฟคตอรี ให้ได้ 6 แห่ง ในยุโรป ภายในศตวรรษนี้ รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างเพื่อการชาร์จรถไฟฟ้า ในยุโรป, อเมริกาเหนือ และจีน ในการให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ Herbert Diess เชื่อว่า ภายใน 15 ปีข้างหน้า รถไฟฟ้า จะได้รับความนิยม และซอฟท์แวร์ในรถยนต์ จะเป็นตัวขับเคลื่อนอุตสาหรรมรถยนต์ รวมทั้งเขาเชื่อว่า ยานยนต์ไร้คนขับ ก็จะสามารถพัฒนาได้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน “การบริหารความเปลี่ยนแปลงนี้ นับเป็นสิ่งสำคัญที่เรากำลังประสบอยู่” เขาอธิบาย “เราเชื่อว่า เราเดินมาถูกทางแล้ว รวมทั้งมีความก้าวหน้าที่น่าพอใจ”