ธุรกิจ
Mercedes-Benz เปิดตัว Clean Air Initiative

โรลันด์ โฟลเกร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า โครงการ Clean Air Initiative เป็นโครงการที่หอการค้าไทย-เยอรมัน ริเริ่มขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำจากประเทศเยอรมนีที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ที่มีการผลักดันให้แต่บริษัทฯ พัฒนานวัตกรรมและเทคในโลยีใหม่ๆ ในการผลิตสินค้า หรือการให้บริการต่างๆ ที่จะช่วยส่งเสริมในการช่วยทำให้อากาศสะอาดบริสุทธิ์
โครงการดังกล่าว มีบริษัทต่างๆ เข้าร่วมโครงการหลากหลายธุรกิจ เช่น Mercedes-Benz, Bosch, DKSH, Torqeedo และ Power Tech
สำหรับ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำโครงการ “Charge to Change” เข้าร่วมโครงการ ด้วยความเชื่อที่ว่า “การชาร์จไฟฟ้าสามารถทำให้โลกดีขึ้นได้เช่นกัน” จุดมุ่งหมายหลักของโครงการฯ คือ การกระตุ้น และเชิญชวนให้ผู้ใช้รถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยลดปัญหามลภาวะทางอากาศของฝุ่น PM2.5 เนื่องจากข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษระบุชัดเจนว่า มากกว่าร้อยละ 50 ของฝุ่นละออง PM2.5 นั้นมาจากการเดินทางโดยรถยนต์ และเฉพาะในกรุงเทพฯ เพียงเมืองเดียวก็มีจำนวนรถยนต์จดทะเบียนอยู่มากกว่า 10 ล้านคัน ปัญหา PM2.5 จึงยังเป็นปัญหาใหญ่ที่คนไทยทุกภาคส่วนต้องหันมาร่วมมือกันแก้ไข เพื่อร่วมกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)ฯ ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ที่เข้ามาลงทุน และทำตลาดในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน มองเห็นว่า บริษัทฯ สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้อากาศสะอาดขึ้นได้เช่นกัน ด้วยรถยนต์รุ่นพลัก-อิน ไฮบริด ซึ่ง Mercedes-Benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) เริ่มต้นทำตลาดรถยนต์ประเภทนี้ทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2559 และจำหน่ายไปแล้วกว่า 20,000 คันในประเทศไทย รถยนต์รุ่นพลัก-อิน ไฮบริดนั้นสามารถมอบการเดินทางที่ปราศจากมลพิษให้แก่ผู้ขับขี่ได้ เพียงแค่ขับขี่ด้วยโหมดการขับขี่ไฟฟ้าในทุกวัน ผู้ใช้รถก็สามารถมีส่วนช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้ทันทีในทุกการขับขี่ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นรถยนต์ของ Mercedes-Benz เท่านั้น แต่ผู้ใช้รถยนต์พลัก-อิน ไฮบริดจากแบรนด์ใดก็ตาม สามารถมีส่วนช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาดขึ้นได้เช่นกัน
ทั้งนี้ Mercedes-Benz มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการ “Charge to Change” อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้มากขึ้น จากนั้นจะมุ่งสร้างเครือข่ายการชาร์จที่มีความพร้อม และสะดวกมากขึ้นสำหรับผู้ใช้รถ เพื่อไปสู่บรรทัดฐานใหม่ในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นพื้นที่ของการขับขี่ด้วยพลังงานสะอาด ลดปัญหามลภาวะทางอากาศ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว