คลิพบรรยากาศการของทริพทดลองขับ Suzuki Swift กับการขับรอบเมืองกรุงเทพฯ
หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน กับรุ่นปรับโฉมล่าสุดของ Suzuki Swift อีโคคาร์ทรงแฮทช์แบค แม้จะเน้นการปรับปรุงรูปทรงภายนอก และอุปกรณ์ใช้งานบางส่วน แต่รถรุ่นนี้ก็มีจุดเด่นที่ความมีสไตล์ไม่เหมือนใคร ทริพทดลองขับในครั้งนี้ จึงเหมือนการท้าทายจุดเด่นดังกล่าว กับการขับบนเส้นทางที่หลากหลายรอบเมืองกรุงเทพฯ !
จุดเริ่มต้นของทริพทดลองขับในครั้งนี้ อยู่ที่โรงแรมบันยันทรี สาทร เหล่าสื่อมวลชนสายยานยนต์จะได้มีโอกาสทดลองขับ Swift แต่ละรุ่นย่อย โดยทางทีมงานของเราได้รุ่น GLX ซึ่งเป็นรุ่นทอพของโฉมล่าสุด (อีกรุ่น คือ GL ซึ่ง ทีมงานไม่ได้มีโอกาสได้ทดลองขับโดยตรง)
ก่อนจะออกเดินทาง มาพิจารณาจุดเปลี่ยนแปลงของ Suzuki Swift GLX กันก่อน รูปทรงโดยรวมไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก จุดที่สังเกตได้อันดับแรก คือ ลายของล้อแมกที่เปลี่ยนไป มีขนาด 16 นิ้วเท่าเดิม และเป็นแบบปัดเงา เน้นความเรียบง่าย (ถ้าเป็นไปได้ น่าจะเลือกลายล้อแมกที่มีความสปอร์ทมากกว่านี้ สมกับบุคลิกของตัวรถ) ส่วนรุ่น GL จะเป็นล้อกระทะขนาด 15 นิ้ว นอกจากนี้รุ่น GLX ติดตั้งไฟตัดหมอกมาให้ ไฟหน้าพโรเจคเตอร์ กระจังหน้าแตกต่างจากรุ่นก่อนปรับโฉม ตรงกลางคาดด้วยวัสดุโครเมียม และเป็นลายตะแกรงทั่วทั้งกระจังหน้า ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ แอลอีดี ใครที่ชอบเส้นสายในสไตล์ Swift อยู่แล้ว น่าจะยังพึงพอใจอยู่ แต่คนที่คาดหวังการเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ อาจรู้สึกเป็นอื่นก็ได้
จุดหมายแรกของเรา อยู่บริเวณย่าน ลาดกระบัง เส้นทางที่ใช้จะขึ้นทางด่วน ผ่านถนนบางนา-ตราด และวิ่งยาว ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ มีโอกาสได้ใช้ความเร็วพอประมาณ ได้ทำความคุ้นเคยกับสมรรถนะของรถรุ่นนี้ จากเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 83 แรงม้า พกพาเทคโนโลยีของขุมพลังที่น่าสนใจเอาไว้ นั่นคือ ระบบ Dualjet มีหัวฉีด 2 ชุดต่อกระบอกสูบ สามารถฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ละเอียดยิ่งขึ้น และระบบหมุนเวียนไอดี และไอเสีย (EGR) นำไอเสียบางส่วนผ่านกระบวนการลดความร้อนลง แล้วหมุนเวียนกลับมาผสมกับไอดีอีกครั้ง เพื่อการเผาไหม้ที่หมดจดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังปรับแต่งให้มีอัตราส่วนกำลังอัดที่สูงกว่าเครื่องยนต์ระดับเดียวกัน (นั่นคือ 11.5:1) เพื่อประสิทธิภาพด้านสมรรถนะ และการประหยัดเชื้อเพลิง รวมถึงค่าไอเสียผ่านมาตรฐาน อีโคคาร์ เฟส 2
จากการขับขี่แบบใช้ความเร็วในช่วง 100-120 กม./ชม. ทำได้ไม่ยากเย็น และสามารถรักษาความเร็วเอาไว้ได้สบายๆ แม้ตัวเลขแรงม้าจะไม่หวือหวา แต่ระบบของเครื่องยนต์ที่ซับซ้อน ช่วยให้การตอบสนองทำได้น่าพอใจ เพียงแต่ช่วงออกตัวที่ความเร็วต่ำ การตอบสนองของพละกำลังอาจช้าไปเล็กน้อย แต่การเพิ่มความเร็วเพื่อเร่งแซง (หรืออัตราเร่งแบบยืดหยุ่น) ถือว่าทำได้ดีมาก อีกจุดเด่นที่ลืมไม่ได้ คือ การประหยัดเชื้อเพลิง ยังคงน่าพอใจ สมกับการเป็น อีโคคาร์
ในส่วนระบบรองรับของ Suzuki Swift มีการปรับแต่งให้เน้นความนุ่มหนึบ ตามแบบฉบับรถยนต์ที่เน้นใช้งานในเมือง แต่ความหนึบของรถรุ่นนี้ อยู่ในระดับที่น่าพอใจ นิ่ง และมั่นคงที่ความเร็วสูง ขับขี่ได้สบายใจบนทางด่วน (หรือทางหลวง) อย่างไรก็ตาม เราพบว่าในบางจังหวะ ระบบรองรับอาจแข็งไปนิด เช่น ขณะแล่นผ่านรอยต่อของถนนบนทางด่วน รู้สึกถึงแรงสะเทือนค่อนข้างชัดเจน แต่ไม่ถึงกับกระด้างแต่อย่างใด
การบังคับเลี้ยว พวงมาลัยมีน้ำหนักพอเหมาะ เลี้ยวได้ดังใจ เหมาะสมกับระบบรองรับ นอกจากนี้ความมั่นคงขณะขับขี่เป็นส่วนดีจากโครงสร้างตัวถังแบบ Heartect ให้ความแข็งแรงกับตัวถัง แต่มีน้ำหนักที่เหมาะสม เป็นผลลัพธ์ทำให้ Swift เป็นรถที่ขับสนุกในตัว ตอบสนองได้ดี และเผื่อเหลือให้ความนุ่มนวล สะดวกสบายเช่นกัน
หลังจากทดลองขับการใช้ความเร็วค่อนข้างสูงบนทางด่วน เราก็มาถึงจุดหมายแรก นั่นคือ 747 Café กับจุดเด่น คือ การยกโครงสร้างภายนอกของเครื่องบิน Boeing 747 มาทั้งลำ ภายในตกแต่งเป็นร้านกาแฟที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร พร้อมจุดถ่ายรูปมากมาย หลังจากใช้เวลาที่นี่กันพอสมควรแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางสู่จุดหมายต่อไป เส้นทางจะเริ่มมีการจราจรหนาแน่น ผ่านซอกซอยที่ค่อนข้างแคบ ทดสอบความคล่องตัวของ Suzuki Swift ได้เป็นอย่างดี และเราก็กลับมาที่บริเวณถนนสีลม เพื่อไปยังร้านอาหาร “ท่านหญิง” อยู่บริเวณซอยโรงเรียนกรุงเทพ-คริสเตียน กับร้านอาหารไทยตำรับชาววัง เป็นร้านเก่าแก่ สืบทอดกันมานานตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 7 ไว้ใจได้ในเรื่องรสชาติที่ลงตัว
ความท้าทายกับ Suzuki Swift ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หลังจากอิ่มหนำกับอาหารตำรับชาววังแล้ว ได้เวลาเดินทางสู่จุดหมายต่อไป นั่นคือ วัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ ตั้งอยู่ใจกลางเยาวราช เนื่องจากเป็นเส้นทางที่เราไม่คุ้นเคยมากนัก จึงต้องอาศัยตัวช่วยเพิ่มเติม นั่นคือ ระบบ Google Maps ของ Android Auto (และรองรับ Apple Car Play หากใช้มือถือระบบ iOS) เป็นระบบที่มาแทนเนวิเกเตอร์เดิม (ก่อนหน้านี้รุ่นทอพของ Swift คือ GLX-Navi) การเชื่อมต่อผ่านมือถือ มีข้อดี คือ การได้รับข้อมูลการจราจรที่ละเอียด รองรับการสั่งงานด้วยเสียง และมีลูกเล่นอื่นๆ ของระบบ Android Auto เพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งเป็นสิ่งที่ระบบเนวิเกเตอร์เดิม ทำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ต้องแน่ใจว่า มือถือที่ใช้แบทเตอรีไม่หมดเสียก่อน และต้องมีสัญญาณมือถือใช้งาน
และแล้วระบบนำทางของ Google Maps พาเรามายังย่านเยาวราช ท่ามกลางการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นเป็นปกติวิสัย พร้อมกับผู้คนที่ค่อนข้างหนาตา แม้จะผ่านพ้นช่วงเทศกาลตรุษจีนมาแล้วก็ตาม จุดที่ช่วยให้การขับขี่ Swift ทำได้อย่างสะดวกสบาย คือ ทัศนวิสัยที่ปลอดโปร่งรอบด้าน ทั้งคนขับ และผู้โดยสาร แม้การออกแบบคอนโซลหน้า ตลอดจนแผงหน้าปัด และพวงมาลัย จะเน้นความสปอร์ทเต็มพิกัด แต่ในแง่ความกว้างขวาง ถือว่าทำได้ดีเกินคาด เบาะคู่หน้ามีระยะเหนือศีรษะที่เหลือเฟือ ส่วนเบาะหลังก็นั่งได้สบายพอสมควร แม้ดูภายนอกจะเป็นแฮทช์แบคขนาดกะทัดรัด แต่เอาเข้าจริง มีความกว้างขวางที่น่าพอใจไม่น้อย
ถนนหนทาง และตรอกซอกซอยของย่านเยาวราชที่หนาแน่น และคับคั่ง ไม่เป็นอุปสรรคกับ Swift คันนี้แต่อย่างใด แม้ต้องเข้าจอดในอาคารรับฝากรถที่มีพื้นที่จำกัด รถคันนี้สามารถถอยเข้าจอดได้สะดวก จากการติดตั้งกล้องมองหลังเข้ามา และระยะวงเลี้ยวที่แคบ (ที่ 4.8 ม. เท่านั้น) พิสูจน์ให้เห็นว่า การใช้งานในตัวเมืองที่ต้องการความคล่องตัว แฮทช์แบคของ Suzuki ตอบสนองได้ดีมากๆ และแล้วก็ได้เวลาเดินทางสู่จุดหมายถัดไปโดยมีเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมติดมือทุกคนด้วย นั่นคือ “ลอดช่องสิงคโปร์” ที่มีรสชาติหวานอร่อยคงเส้นคงวามาหลายปี
การขับในตัวเมืองกรุงเทพฯ กับ Suzuki Swift คันนี้ ปิดท้ายที่ร้านขนม “บ้านขนมปังขิง” ภายใต้อาคารทรงคลาสสิค ตั้งอยู่ใกล้กับย่านเสาชิงช้า ถัดจากร้าน มนต์นมสด เล็กน้อย เป็นอีกครั้งที่เราต้องผ่านตรอกซอกซอย และอาศัยการระบุตำแหน่งที่แม่นยำของ Android Auto หากคิดดูแล้ว สิ่งที่ผู้คนในยุคปัจจุบันชอบทำกัน คือ การตระเวนหาร้านอาหาร หรือร้านกาแฟใหม่ๆ ไปเที่ยว และชิมอาหาร/เครื่องดื่มพร้อมกันกับเพื่อนฝูง และนำไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ระบบนำทางที่ดี และรถที่มีความคล่องตัวดูจะตอบโจทย์ “ไลฟ์สไตล์” ดังกล่าวได้ดีมาก
Suzuki Swift ยังคงรักษาจุดเด่นของตัวเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่น นั่นคือ รูปทรงที่มีเอกลักษณ์ ผสมความสปอร์ทในตัว และมีอารมณ์ “ขับสนุก” แฝงอยู่ ภายใต้ขุมพลังที่ดูเรียบง่าย แต่ที่จริงแล้ว ถูกพัฒนาให้มีความทันสมัยไม่น้อย มีอัตราเร่งที่ดี การประหยัดเชื้อเพลิงที่น่าพอใจ รวมถึงโครงสร้างตัวถังที่เหมาะสม ทำให้แฮทช์แบครุ่นนี้เป็น อีโคคาร์ ที่ตอบสนองการขับขี่ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง กับความคล่องตัวที่เห็นได้ชัด เมื่อใช้งานบนถนนหนทางใจกลางเมือง รถคันนี้ถูกรังสรรค์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ลักษณะดังกล่าว แม้ออพชันที่ติดตั้งเข้ามาจะมีตามมาตรฐาน อีโคคาร์ เฟส 2 แต่หากใครที่โดนใจรถคันนี้เข้าแล้ว ยังไงก็ถอนตัวไม่ขึ้น !