น่าตกใจ หรืออย่างน้อย ก็น่าตระหนก แผนยุทธศาสตร์การทำสงครามล้างโลกของ COVID-19เมืองไทยเรา เจอพุทธศักราช 2563 ทั้งต้นปี และปลายปี ต้นปี เหมือนกอไผ่ ปลายปี ล่อทั้งดอกทั้งผล ชนเละถึงปี 2564 ที่หนีไม่พ้นความน่าสมเพช คือ ความรับผิดชอบของรัฐบาล ต้องเอาใจใส่ และดูแลอาณาประชาราษฎร์ การเยียวยา ภายใต้มาตรการ มีผลทั้งบวกและลบเป็นเรื่องธรรมดา เพราะประชาธิปไตยบ้านเรามีผู้เห็นด้วยและเห็นต่าง มึความเพียร ได้คืบเอาศอก หรือปากว่าตาขยิบ อันที่จริง รัฐบาลก็ทำงานภายใต้ระเบียบข้อกฎหมายอยู่แล้ว เรื่องมั่วๆ คงลืมไปได้เลย แต่ทั้งคนได้รับการเยียวยา และไม่มีสิทธิ์ ต่างมีปากมีเสียงด้วยกันทุกคน ปากดี ท้องดี ปากดี ท้องเสีย หรือไม่ก็ ปากเสีย ท้องดี เสี่ยงเซียมซีศาลเจ้ากันเอาเอง ไม่น่าเชื่อความร้ายแรงของการระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 เลวร้ายยิ่งกว่าทุกสรรพาวุธที่มนุษย์คิดค้นกันสร้างขึ้นมา ผลกระทบของมัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่เลือกวรรณะ ไม่เลือกเผ่าพันธุ์ และไม่เลือกเพศ บนแผ่นดินสยามของเรา การมาของ COVID-19 ระลอกที่ 2 ตั้งแต่ 20 ธันวาคมปีที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ลบคำว่า “ไทยชนะ” ออกจากแผ่นกระดานดำโดยรวดเร็ว เริ่มจาก ตลาดกลางกุ้ง และจากแรงงานต่างด้าว เมืองชายทะเลภาคกลางเพียบด้วยโรงงานแห่งนี้ เป็นเพื่อนบ้านนครปฐม, กรุงเทพ, ราชบุรี และอ่าวไทย ชั่วกินข้าวอิ่มไม่ทันล้างมือ 5 จังหวัดของเรา โฆษกรัฐบาลก็ขึ้นทะเบียนเรียบร้อย สมุทรสาคร ขึ้นชื่อลือชาด้วยอาชีพการทำประมง อาหารทะเล มีอินกรีเดียนท์ที่ขาดไม่ได้ คือ ของทะเลจากอ่าวไทย เพื่อนบ้านสมุทรสาคร ดังนี้ กุ้งทะเลจากตลาดกลางกุ้งของเมืองมหาชัย จึงสำแดงผล การระบาด ลามปามไปถึงสวนผลไม้หลักของเมืองอื่น รวมทั้ง ส้มโอขาวใหญ่แห่งเมืองสมุทรสงคราม ความน่าสงสาร ชาวไร่ มิใช่มีเพียง ไร่ส้มโอขาวใหญ่ได้รับ มันไหลนองไปถึงไร่ดอกไม้ในเมืองอื่น ต่อความสวยหลากหลายปานใด ก็หานักท่องเที่ยวไม่เจอ และเมื่อไม่เจอนักท่องเที่ยว ก็ไม่เจอ รายได้ COVID-19 สั่งห้ามการเดินทางท่องเที่ยว อยู่กับบ้านเพื่อเห็นแก่ครอบครัวมากกว่าเพื่อชาติประเทศของตน ดังนี้ ผลกระทบที่การท่องเที่ยวได้รับ จึงสำแดง เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา เรายังมีโอกาสเที่ยวเมืองพัทยา ร่วมกับความหนาแน่นของคนในชาติเดียวกัน ถือว่า บุญคุ้ม การท่องเที่ยวออกผลสะเทือนแผ่นดินอย่างสูง เพราะธันวาคม–มกราคม เป็นเทศกาลท่องเที่ยว ไม่ใช่เพียงคนไทย แต่เป็นเทศกาลการท่องเที่ยวของคนต่างชาติ ระหว่างตรุษสำคัญ หยุดการงานประจำปีกันนานวัน ก็ตอนนี้แหละ ฤทธิ์เดชของ COVID-19 ร้ายแรงมากที่สุดของทุกประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา ทั้งการติดเชื้อ ทั้งการรักษาพยาบาล และการเสียชีวิต ทำสถิติเป็นอันดับ 1 มาโดยตลอด สหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศมหาอำนาจ แต่อำนาจ เป็นคำที่ไม่มีความหมายสำหรับ COVID-19 วันเวลาของไวรัส COVID-19 ไม่ดู ไม่เลือก การเมืองสหรัฐฯ กำลังเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลง จาก โดนัลด์ ทรัมพ์ เป็น โจ ไบเดน 20 ธันวาคม มีผลถึงพวกเราชาวสยาม แต่ 20 มกราคม เป็นผลกับชาวสหรัฐฯ ในปีที่มีการเลือกตั้ง เนื่องด้วย เป็นวันที่ ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ต้องสาบานตนต่อประชากรของเขา และเป็นวันที่ ประธานาธิดีคนเก่าอำลา Oval Office คนอย่าง ทรัมพ์ บนโลกนี้ไม่น่าจะมีมาก เรียกว่า “แสบน่าดูชม” ละกัน ตามกระแสข่าว DAILY WIRE วันที่ เขาอำลาทำเนียบ ทรัมพ์ ยังทิ้งโนทถึง ไบเดน อยากรู้ข้อความต้องหาเอาเอง สถานการณ์การท่องเที่ยวในปี 2563 ของเรา รายได้หายไปมากกว่าร้อยละ 70 ผู้บาดเจ็บสาหัส คือ ผู้ประกอบการโรงแรม บางรายถึงขนาดประกาศขาย ราคาพันล้านบาทเศษ ต่ำลงมาจากนั้น ประกาศปิดกิจการ ทั้ง 2 ระดับ ผลกระทบก็ไม่พ้นแรงงาน ลูกจ้างทั้งหลาย ที่เหลือ ระดมความคิดหาความหลากหลายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์โรงแรม เพื่อให้มีคนเข้าพัก เมื่อจำเป็นต้องกัดฟัน “เปิดกิจการ” เชื่อว่า ปีนี้ รายได้ต่ำกว่าปีที่แล้วไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท ผู้ประกอบการไม่ได้กัดฟันอย่างเดียว แต่ยังมีข้อเสนอให้รัฐเยียวยาเป็นปกติ รัฐบาลจะตั้งกองทุนก็ได้ หรือจะพักชำระหนี้ เงินต้น-ดอกเบี้ย ก็ได้อีก แต่ขอสัก 2-3 อย่าง จะได้ไหม ? ซอฟท์โลน ? ลดค่าไฟฟ้าสัก 15 % ? ยืดเวลาเสียภาษีปี 2563 หรือไม่ก็ “คนละครึ่งเพย์เมนท์” ? ไม่ใช่โรงแรมเมืองไทยเท่านั้นที่ทรุด ฮ่องกง เมืองท่องเที่ยวของโลก ตีตราปี 2563 รับนักท่องเที่ยว 3.57 ล้านราย ใจไม่หายไปไหน แต่มันหล่นไปตกที่เท้า เพราะตัวเลข แสดงผล นักท่องเที่ยวของโลกหายหน้าไปร้อยละ 93.6 % ไกลจากเมืองไทยมากกว่าฮ่องกง มาเก๊า คือ ญี่ปุ่น โรงแรมในญี่ปุ่น จะมีเสียงหัวเราะดังหรือไม่ ไม่ทราบ แต่ COVID-19 ออกคำสั่งเรียบร้อย ล้มละลายไปต่อหน้าต่อตา 118 โรงแรม ยอดหนี้สินทั้งมวล 58,000 ล้านเยน สวัสดี เมื่อไรจะกล่าวคำอำลาเสียทีล่ะ เชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 ?!?