รายงานข่าวจากเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ระบุว่า การควบรวมระหว่าง FCA Group และ PSA Group มูลค่า 52 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สำเร็จเรียบร้อย พร้อมใช้ชื่อ Stellantis (สเตลแลนทิส) อย่างเป็นทางการการควบรวมของค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ 2 ค่าย ซึ่งมียอดขายรวมกันในโลกนี้ราว 8.1 ล้านคัน โดยแถลงการณ์ร่วมของทั้ง 2 ค่ายระบุว่า เป็นการจบลงอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางโรคระบาดร้ายแรง COVID-19 หลังมีประกาศเริ่มต้นการควบรวมอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 การซื้อขายหุ้นของ Stellantis ได้เริ่มขึ้นที่เมืองมิลาน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และที่กรุงนิวยอร์ค จะเริ่มวันอังคาร โดย Carlos Tavares ซีอีโอคนใหม่ จะเริ่มการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันอังคาร หลังให้สัญญาณเปิดการซื้อขายหุ้นร่วมกับ John Elkann ประธาน FCA Group บรรดานักวิเคราะห์ต่างพากันจับตามองแผนงานของ Stellantis ในการแก้ไขบรรดาปัญหาต่างๆ นับแต่กำลังการผลิตที่มีเป็นจำนวนมาก และการบริหารงานในประเทศจีน ก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 กลุ่ม ประเมินว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายประจำลงได้มากกว่า 5 พันล้านยูโร โดยไม่จำเป็นต้องปิดโรงงาน และบรรดานักลงทุนต่างพากันจับตามองว่าจะมีวิธีการอย่างใด ในการจัดการกับปัญหาค่าใช้จ่ายประจำนี้ Marco Santino นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมยานยนต์จากอิตาลี คาดหวังว่า Carlos Tavares จะสามารถนำเสนอแผนการดำเนินงานได้ในไม่ช้า โดยไม่ต้องมีรายละเอียดในการทำงาน “เขาพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว ว่าเป็นคนชอบทำงานมากกว่าการให้สัมภาษณ์ ผมเชื่อว่าเขาจะร่างแถลงการณ์ได้ดี” เช่นเดียวกับกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ในโลกนี้ Stellantis มีความจำเป็นที่ต้องลงทุนเพิ่มนับพันล้าน เพื่อปรับสายการผลิตให้เป็นการผลิตรถไฟฟ้า “การทำงานต้องเป็นไปตามขั้นตอน รวมทั้งปรับแผนการดำเนินงานในประเทศจีน ปรับทิศทางการดำเนินงาน และแนวทางการผลิตที่มีจำนวนมาก” Marco Santino กล่าว Mike Manley ซีอีโอ FCA Group ที่จะดูแลการดำเนินงานของ Stellantis ในตลาดอเมริกาเหนือ ระบุว่า รายได้ของกลุ่มราว 40 % น่าจะมาจากการใช้โครงสร้างพื้นฐาน และระบบขับเคลื่อนที่ได้จากการลงทุนค้นคว้า และพัฒนาด้วยตนเอง ส่วนอีก 35 % น่าจะมาจากการประหยัดในการสั่งซื้อ และ 7 % น่าจะได้จากการประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายทั่วไป