ธุรกิจ
สถาบันยานยนต์ เผยยอดผลิตรถเดือน ตค. 63
สถาบันยายนต์ โดยศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ Auto Key Insight ประจำเดือนตุลาคม 2563 ประเทศไทยผลิตรถยนต์จำนวน 149,360 คัน โดยเป็นการผลิตรถยนต์มากกว่า 100,000 คันติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ปริมาณการผลิตยังคงลดลงร้อยละ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากตลาดส่งออกเป็นสำคัญ หากพิจารณารายผลิตภัณฑ์พบว่า ปริมาณการผลิตรถยนต์ลดลงในทุกผลิตภัณฑ์ ยกเว้นรถ Single Cab (ซิงเกิลแคบ) มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 42 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และรถยนต์นั่งขนาดน้อยกว่า 1,500 ซีซี ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 10 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ด้านตลาดในประเทศลดลงร้อยละ 4 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยลดลงในทุกผลิตภัณฑ์ ยกเว้นรถ Single Cab และรถ Double Cab (ดับเบิลแคบ) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 3 และ 25 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามลำดับ จากความต้องการใช้งานเชิงพาณิชย์หลังจากสถานการณ์ COVID-19 และการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของผู้ผลิตรถยนต์ ในส่วนของปริมาณการจดทะเบียนใหม่ของรถ XEV (เอกซ์อีวี) ในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แบ่งออกเป็นปริมาณการจดทะเบียนรถ HEV (เอชอีวี) รวมกับรถ PHEV (พีเอชอีวี) จำนวน 3,275 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่รถ BEV (บีอีวี) มีปริมาณการจดทะเบียนจำนวน 92 คัน ลดลงร้อยละ 48 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนั้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ HEV และ PHEV ส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน มีผู้ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถ XEV จำนวน 25 โครงการ จากผู้ผลิตรถยนต์ 15 ราย แบ่งออกเป็น โครงการผลิตรถ HEV 5 โครงการ โครงการผลิตรถ PHEV 7 โครงการ และโครงการผลิตรถ BEV 13 โครงการ
ด้านการส่งออกรถยนต์ลดลงร้อยละ 17 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ดีเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว โดยปริมาณการส่งออกรถยนต์ไปยังตลาดอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 52 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการส่งออกรถกระบะ 1 ตัน ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 172 แต่อย่างไรก็ดี ปริมาณการส่งออกไปยังอเมริกาเหนือที่เพิ่มขึ้นยังไม่สามารถชดเชยการส่งออกที่ลดลงของไทยได้ เนื่องจากตลาดอเมริกาเหนือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9 จากปริมาณการส่งออกทั้งหมดของไทย นอกจากนี้ หากพิจารณารายผลิตภัณฑ์พบการส่งออกเพิ่มขึ้นของบางผลิตภัณฑ์ในบางตลาด อาทิ ปริมาณการส่งออกรถยนต์นั่งไปยังตลาดเอเชีย (สัดส่วนร้อยละ 61) เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และปริมาณการส่งออกรถกระบะไปยังตลาดโอเชียเนีย (สัดส่วนร้อยละ 40) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่กล่าวมาส่งผลให้เดือนมกราคม-ตุลาคม ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตรถยนต์สะสม 1,112,426 คัน จำหน่ายสะสม 608,880 คัน และส่งออกสะสม 592,829 คัน ลดลงร้อยละ 36 27 และ 35 ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
การผลิตรถจักรยานยนต์ เดือนตุลาคม 2563 ผลิตรถจักรยานยนต์ 166,636 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยรถจักรยานยนต์ทุกประเภทมีปริมาณเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กของผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ภายในประเทศ ยกเว้นการผลิตรถจักรยานยนต์ Sport ขนาด 150-399 ซีซี เท่านั้นที่ลดลงร้อยละ 39 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์มีจำนวน 126,323 คัน ลดลงร้อยละ 11 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากการลดลงของการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ทุกขนาด ยกเว้นจักรยานยนต์ขนาด 251-399 ซีซี ที่มีการจำหน่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในส่วนของการจดทะเบียนใหม่ของรถ XEV มีปริมาณ 361 คัน ลดลงร้อยละ 18 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากการจดทะเบียนใหม่ของรถ HEV จำนวน 230 คัน ลดลงร้อยละ 36 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รถ BEV มีจำนวน 82 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 60 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ด้านการส่งออกรถจักรยานยนต์แบ่งออกเป็นการส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) จำนวน 25,363 คัน ลดลงร้อยละ 3 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการส่งออกรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กไปยังประเทศญี่ปุ่นที่ลดลง และการส่งออกชิ้นส่วนครบชุดสมบูรณ์ (CKD) จำนวน 43,508 ชุด ลดลงร้อยละ 25 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่กล่าวมาส่งผลให้เดือนมกราคม-ตุลาคม ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์สะสม 1,280,651 คัน จำหน่ายสะสม 1,272,190 คัน และส่งออกสะสม 257,160 คัน ลดลงร้อยละ 21, 13 และ 13 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามลำดับ
ระบบสัญญาณเตือนภัยภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive Early Warning System)
ข้อมูลเดือนตุลาคม 2563 ระบบส่งสัญญาณเตือนภัยถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564
อุปสงค์ต่างประเทศ ส่งสัญญาณเตือนจากดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจยุโรป จากการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ในทวีปยุโรป ในขณะที่ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคอเมริกาส่งสัญญาณเฝ้าระวัง และดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลีย กลับมาส่งสัญญาณปกติ
อุปสงค์ในประเทศ 1 ส่งสัญญาณเตือนจากดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่กลับมาส่งสัญญาณเตือนอีกครั้งจากความกังวลของภาคธุรกิจต่อสถานการณ์การชุมนุมในช่วงเดือนตุลาคม และดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ ณ ไร่นา ที่ส่งสัญญาณเตือนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 แม้ว่าดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ ณ ไร่นาจะเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรมีปริมาณไม่มากนัก และอาจฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน
อุปทาน มูลค่าการนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ส่งสัญญาปกติจากการนำเข้าชิ้นส่วนที่มีทิศทางฟื้นตัวจากปริมาณการผลิตของรถยนต์ในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/353448