ธุรกิจ
Toyota ผนึกพันธมิตร ตั้งเมืองที่ยั่งยืนโดยปราศจากมลภาวะ
สนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ชุนซาคุ นากาอิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอซาก้า แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือ “โครงการการจัดตั้งเมืองที่ยั่งยืนโดยปราศจากมลภาวะ Decarbonized Sustainable City” เพื่อร่วมศึกษาและวางรากฐานต้นแบบในการพัฒนาเมืองแห่งอนาคต โดยนำเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานทางเลือก และระบบพลังงานสะอาดมาทดลองใช้งาน ทั้งในด้านการคมนาคม เศรษฐกิจ และการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยมี ฯพณฯ นะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทย และ ดร. ลัษมณ อรรถาพิช รองเลขาธิการ สายงานการลงทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ให้เกียรติเป็นสักขีพยาน
โครงการการจัดตั้งเมืองที่ยั่งยืนโดยปราศจากมลภาวะ “Decarbonized Sustainable City” เป็นโครงการในความร่วมมือ ระหว่าง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, เมืองพัทยา และบริษัท โอซาก้า แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด (OG) ในการผลักดันให้เกิด “สังคมการปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์” (Zero-emission Society) โดยดำเนินโครงการนำร่องควบคู่ไปกับการปรับผังเมืองพัทยาเพื่อมุ่งสู่การเป็น “สมาร์ทซิที” เพื่อรองรับการเตรียมความพร้อมในการเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) โดย โตโยต้า มอเตอร์ฯ และ โอซาก้าแก๊ส (ประเทศไทย)ฯ จะเข้ามาเติมเต็มนโยบายของเมืองฯ ในการวางระบบคมนาคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมานำร่องใช้ในเมืองพัทยา เพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน อาทิ การนำเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแห่งอนาคต ทั้งรถยนต์พลังงานทางเลือกและรถยนต์พลังงานสะอาด ภายใต้โครงการ “การจัดตั้งเมืองที่ยั่งยืนโดยปราศจากมลภาวะ” มาใช้ในระบบขนส่งสาธารณะของเมือง ตลอดจนการจัดเตรียมระบบสถานีจ่ายพลังงานทางเลือกประเภทต่างๆ อย่างเหมาะสม อาทิ สถานีชาร์จไฟฟ้า หรือเทคโนโลยีชีวมวล เป็นต้น
ภายใต้โครงการความร่วมมือนี้ Toyota (โตโยตา) จะนำรถยนต์พลังงานทางเลือกหลายประเภท อาทิ รถยนต์ไฮบริด (HEV) รถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด (PHEVs) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) และอื่นๆ เข้ามาทดลองใช้งานในลักษณะของรถยนต์โดยสารสาธารณะภายในเมืองพัทยา เพื่อรองรับการใช้งานของประชาชนและนักท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิด Eco Tourism ร่วมกับ กลุ่มบริษัทโอซาก้าแก๊ส ที่จะนำเทคโนโลยีพลังงานสะอาด “แกสชีวมวล” ที่ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโครงการนี้อีกด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มโครงการนำร่องภายในช่วงกลางปี 2564 เพื่อนำผลการศึกษาไปเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนนโยบายด้านพลังงานในระดับประเทศ ตลอดจนมีแผนที่จะศึกษาความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริง ทั้งในส่วนของการขับขี่ การโดยสารรถยนต์ ตลอดจนความต้องการระบบต่างๆ มารองรับ เพื่อประกอบการพิจารณาการนำรถยนต์พลังงานทางเลือกที่เหมาะสมเข้ามาผลิต และแนะนำในประเทศไทย ตลอดจนเป็นการวางรากฐานในการเตรียมความพร้อมในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกในอนาคตอีกด้วย
มิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวว่า ด้วยความตระหนักถึงผลกระทบที่อุตสาหกรรมยานยนต์มีต่อสิ่งแวดล้อม Toyota ได้มีการคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยียานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับการเดินทางในทุกรูปแบบ ทั้ง Hybrid Electric Vehicles (HEVs), Plug-in Hybrid Electric Vehicles (PHEVs), BEV และ Fuel Cell Electric Vehicles (FCEVs) ซึ่งอย่างไรก็ดี การจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ เป็นที่แพร่หลายในประเทศไทยนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงต้องพิจารณาถึงรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้รถเป็นหลัก ดังเช่นหลักปรัชญา”ลูกค้าเป็นที่หนึ่งของ Toyota” ซึ่งภายใต้โครงการนี้ จะเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้รับฟังความคิดเห็นที่ผู้ใช้งานจริงมีต่อรถยนต์ไฟฟ้าของเรา และผมหวังว่าโครงการนี้จะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อเมืองพัทยา พี่น้องประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อเป็นต้นแบบในการขยายผลสู่จังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทยต่อไป
สนธยา คุณปลื้ม กล่าวว่า "ผมและผู้บริหารเมืองพัทยา ได้นำโยบาย Neo Pattaya ที่ว่าด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ทันสมัยมาเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเมือง มุ่งเน้นการออกแบบผังเมืองที่ดี โดยหนึ่งในองค์ประกอบของแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ คือ การพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ ด้านการขนส่งอัจฉริยะ และด้านพลังงานอัจฉริยะ เพื่อช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างการผลิต และการใช้พลังงาน ตลอดจนสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการความร่วมมือในครั้งนี้จะสามารถยกระดับและช่วยพัฒนาภาคการคมนาคม และการท่องเที่ยวในเมืองพัทยา ให้เป็นเมืองต้นแบบในการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมต่อไป"
ชุนซาคุ นากาอิ กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯ ของเรา มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการนำกาซชีวภาพมาใช้งานเพื่อเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งภายใต้โครงการความร่วมมือนี้ เราจะนำเทคโนโลยีพลังงานชีวภาพ 3 ชนิดมาถ่ายทอดสู่ประเทศไทย ได้แก่ เทคโลยีแกสชีวภาพบริสุทธิ์ เทคโนโลยีการสกัดไฮโดรเจนจากแกสมีเทน รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตแกสชีวภาพโดยใช้แหล่งพลังงานความร้อนร่วม ซึ่งเรามีความเชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์และเทคโนโลยีของเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุเป้าหมายได้ในที่สุด
นอกจากนี้ โครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรของโครงการทั้งจากอุตสาหกรรมยานยนต์และพลังงาน อาทิ บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ภาคเอกชน ภาคประชาชน และหน่วยงานต่างๆ ในเมืองพัทยา โดยคาดหวังให้เมืองพัทยาเป็นแบบอย่างในด้าน “การเดินทางอย่างยั่งยืน” เพื่อเป็นต้นแบบในการขยายผลสำเร็จสู่จังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทยต่อไป
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/353241