ธุรกิจ
ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์ฯ เผย Auto Key Insight กย.63
จากข้อมูลของ ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ การผลิตรถยนต์ ในเดือนกันยายน 2563 ประเทศไทยผลิตรถยนต์จำนวน 150,345 คัน โดยเป็นการผลิตรถยนต์มากกว่า 1 แสนคัน ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ปริมาณการผลิตยังคงลดลงร้อยละ 11 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากตลาดส่งออกเป็นสำคัญ หากพิจารณารายผลิตภัณฑ์พบกว่า รถ Single Cab เป็นเพียงผลิตภัณฑ์เดียวที่มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 14 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
จากข่าวยุติผลิตรถยนต์ในประเทศไทยของ General Motor ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และได้ขายโรงงานผลิตรถยนต์ให้แก่ Great Wall Motors ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ล่าสุดในเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา General Motor และ Great Wall Motors ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายโรงงานผลิตรถยนต์ในจังหวัดระยองแล้วโดย Great Wall Motors วางแผนกำลังการผลิตรถยนต์เบื้องต้น 80,000 คัน/ปี รองรับตลาดในประเทศและตลาดส่งออก อาทิ อาเซียน ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้
ด้านตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรถยนต์นั่งขนาดมากกว่า 1,500 ซีซี และรถกระบะ 1 ตัน เนื่องจากรถยนต์นั่งขนาดมากกว่า 1,500 ซีซี เป็นกลุ่มรถยนต์ที่มีราคาสูง ในขณะที่รถกระบะ 1 ตัน เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้งานในเชิงพาณิชย์ ทำให้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 น้อยกว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอื่น ในส่วนของปริมาณการจดทะเบียนใหม่ของรถ xEV ในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แบ่งออกเป็นปริมาณการจดทะเบียน รถ HEV รวมกับ รถ PHEV จำนวน 2,878 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และรถ BEV จำนวน 62 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ด้านการส่งออกรถยนต์ลดลงร้อยละ 34 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หากพิจารณาในภาพรวมพบว่าการส่งออกรถยนต์ทุกประเภท และการส่งออกไปยังทุกตลาดลดลง แต่อย่างไรก็ดี ปริมาณการส่งออกรถยนต์นั่งไปยังตลาดเอเชีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 62 ของปริมาณการส่งออกรถยนต์นั่งทั้งหมด เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งยังไม่สามารถชดเชยปริมาณการส่งออกจากตลาดอื่นได้ทำให้ปริมาณการส่งออกรถยนต์ของไทยในเดือนกันยายนลดลงดังที่กล่าวไป
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่กล่าวมาส่งผลให้เดือนมกราคม–กันยายน ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตรถยนต์สะสม 963,066 คัน จำหน่ายสะสม 534,765 คัน และส่งออกสะสม 521,457 คัน ลดลงร้อยละ 39, 30 และ 36 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามลำดับ
นอกจากนั้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมมือกับ เอ็มจี เซลล์ (ประเทศไทย)ฯ, Great Wall Motors และ Startup Betta EV เปิดตัวโครงการ Betta EV Lady Taxi พร้อมรับสมัครผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จำนวน 200 คน เพื่อเป็นผู้ขับขี่รถ Taxi ไฟฟ้าในโครงการดังกล่าว นอกจากนั้น เอ็มจี เซลล์ (ประเทศไทย)ฯ ยังร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เร่งขยายเครือข่ายสถานีประจุไฟฟ้าจำนวน 100 แห่งภายในปี 2563 นี้ และจะขยายเพิ่มเป็น 2 เท่าในปี 2564 เพื่อเป็นการสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต
การผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนกันยายน 2563 ประเทศไทยผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 174,645 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน จากการผลิตรถ Commuter และรถ Sport ขนาดมากกว่า 800 ซีซี ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และ 29 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าตามลำดับ โดยปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์มีจำนวน 133,441 คัน ลดลงร้อยละ 1
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากการลดลงของการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขนาดต่ำกว่า 125 ซีซี และรถจักรยานยนต์ขนาดมากกว่า 400 ซีซี ที่ลดลงร้อยละ 4 และ 7 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามลำดับ ในขณะที่รถจักรยานยนต์ขนาด 126–250 ซีซี และรถจักรยานยนต์ขนาด 251–399 ซีซี มีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 และ 29 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าตามลำดับ ในส่วนของการจดทะเบียนใหม่ของรถ xEV มีปริมาณ 391 คัน ลดลงร้อยละ 22 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากการจดทะเบียนใหม่ของรถ HEV จำนวน 241 คัน ลดลงร้อยละ 36 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รถ BEV มีจำนวน 150 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ด้านการส่งออกรถจักรยานยนต์แบ่งออกเป็นการส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) จำนวน 28,514 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการส่งออกรถจักรยานยนต์ขนาดมากกว่า 800 ซีซี ไปยังจีนและหลายประเทศในยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น และการส่งออกชิ้นส่วนครบชุดสมบูรณ์ (CKD) จำนวน 28,940 ชุด ลดลงร้อยละ 23 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่กล่าวมาส่งผลให้เดือนมกราคม–กันยายน ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์สะสม 1,114,015 คัน จำหน่ายสะสม 1,145,867 คัน และส่งออกสะสม 231,797 คัน ลดลง ร้อยละ 24, 14 และ 14 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามลำดับ
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/348081