ธุรกิจ
Toyota เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจชุมชนไทยสู่ความยั่งยืน
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP และ SMEs ภายใต้โครงการ “โตโยตา ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ประจำปี 2563 จำนวน 6 ราย โดยได้นำองค์ความรู้ที่เกิดจากการทำธุรกิจของ Toyota (โตโยตา) ทั่วโลกกว่า 75 ปี อาทิ ระบบการผลิตแบบ Toyota และหลักการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (ไคเซน) มาถ่ายทอด และร่วมปรับปรุง พร้อมทั้งติดตามผลการไคเซนด้วยตนเอง เพื่อยกระดับธุรกิจที่มีศักยภาพในการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ก้าวสู่การเป็น “ศูนย์การเรียนรู้โตโยตา ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ประจำภูมิภาค พร้อมเดินหน้าขยายผลโครงการสู่อีก 10 ธุรกิจ เพื่อเป็นรากฐานในการส่งมอบความรู้สู่ผู้ประกอบการทั่วประเทศต่อไป
“โตโยตา ธุรกิจชุมชนพัฒน์” คือ โครงการนวัตกรรมสังคมของ Toyota ที่มุ่งเน้นการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจผ่านการสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานรากผ่านการพัฒนาศักยภาพให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อมสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน โดยตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีที่ผ่านมา Toyota ได้ร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายฯ ในการเฟ้นหาธุรกิจที่มีความต้องการปรับปรุงธุรกิจ เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นพนักงานเกษียณอายุของ Toyota ที่มีประสบการณ์ด้านระบบการผลิตแบบ Toyota และหลักการไคเซน เข้าไปช่วยเหลือธุรกิจชุมชนในลักษณะของการเป็น “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” โดยให้เจ้าหน้าที่ร่วมศึกษาถึงสาเหตุของปัญหา พร้อมนำองค์ความรู้ของ Toyota เข้าไปถ่ายทอด และปรับปรุงระบบการจัดการปัญหาของธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงหลักการแก้ปัญหาตามแนวปฏิบัติของ Toyota ในทุกขั้นตอน และนำไปใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ โครงการ โตโยตา ธุรกิจชุมชนพัฒน์ มีการกำหนดผลสำเร็จในการถ่ายทอดองค์ความรู้ โดยวัดผลผ่าน 5 ดัชนี ชี้วัดทางธุรกิจ อันได้แก่ ประสิทธิผลการผลิต คุณภาพ (ลดของเสียที่เกิดจากการผลิต) การส่งมอบ การจัดการสินค้าคงคลัง และการบริหารต้นทุนในกระบวนการ โดยใช้การประยุกต์แนวทางการนำองค์ความรู้มาใช้ให้เหมาะสมกับบริบท และความพร้อมของธุรกิจชุมชนนั้นๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินงานปรับปรุงต่อได้ด้วยตนเองอย่างมืออาชีพ สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม ธุรกิจสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน อันจะเป็นการสร้างการจ้างงานในท้องถิ่น สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ตลอดจนเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทยต่อไป
โดยในปีนี้ บริษัทฯ ได้ทำการส่งมอบโครงการฯ ที่ผ่านกิจกรรมการปรับปรุงธุรกิจ ระหว่างปี 2562-2563 แก่ผู้ประกอบการ 6 ราย โดยมีรายละเอียดธุรกิจ และผลสำเร็จในการปรับปรุงดังนี้
1. บริษัท ลัลณ์ลลิตไบโอเทค จำกัด สระบุรี ผลิต และจำหน่ายเชื้อเห็ด ปรับปรุงธุรกิจโดยปรับสายการผลิตในกระบวนการกรอกข้าวฟ่างใหม่ ผลผลิตเพิ่มขึ้น 2,000 ขวด/วัน รายได้เพิ่มขึ้น 364,000 บาท/เดือน พร้อมจัดการสินค้าคงคลังสร้างมาตรฐานการจัดการวัตถุดิบข้าวฟ่าง ลดต้นทุนได้กว่า 140,000 บาท
2. บริษัท ดีไลท์ 88 จํากัด จ. อุบลราชธานี ผลิต และจำหน่ายก๋วยจั๊บกึ่งสำเร็จรูปจั๊บจั๊บ ปรับปรุงกระบวนการอบเส้น เพื่อลดเวลาการอบ ปรับสายการผลิตในกระบวนการบรรจุเส้นใส่ซองโดยไม่ลดงานที่ไม่จำเป็น ผลผลิตเพิ่มขึ้น 5,824 ซอง/เดือน สร้างมาตรฐานในกระบวนการการปั้นเส้นให้มีความสม่ำเสมอ ปรับปรุงขั้นตอนการบรรจุซอง ลดความสูญเสียในกระบวนการ ลดของเสียในกระบวนการผลิตได้ 65,442 บาท/เดือน
3. บริษัท แปลนครีเอชั่นส์ จำกัด จ.ตรัง ผลิต และจำหน่ายของเล่นไม้ Plantoys สร้างมาตรฐานการจัดการสินค้าคงคลังโดยใช้ระบบ Just in time ทั้งส่วนของการวางแผนการขาย-ผลิต และการจัดเตรียมวัตถุดิบ ลดจำนวนสินค้าคงคลัง และต้นทุนในกระบวนการ ลงได้ 18.81 ล้านบาท
4. กลุ่มหมอนฟักทอง อสม. จ. มหาสารคาม ผลิต และจำหน่ายหมอนสุขภาพ ปรับเรียบกระบวนการ ช่วยลดการรองาน ผลิตสินค้าหมอนรองคอได้เพิ่ม จาก 128 ชิ้น/วัน เป็น 160 ชิ้น/วัน (25 %) ปรับปรุงกระบวนการขนส่งสินค้า โดยกำหนดงานมาตรฐานที่ออกแบบให้ สามารถใช้ทรัพยากรในการขนส่งต่อรอบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนการขนส่งลง 34 % ลดต้นทุน 2.44 บาท/ชิ้น เพิ่มกำไร 60,725 บาท/เดือน
5. บริษัท สันติภาพ (ฮั่วเพ้ง 1958) จำกัด จ. ชุมพร ผลิต และจำหน่ายปลากระป๋องตรานกพิราบ ลดความสูญเสียในสายการผลิต และกระบวนการทำงานที่ไม่จำเป็นลดความสูญเสียในสายการผลิตได้ 20 %
6. หจก. สักสยามอุตสาหกรรม จ. สุพรรณบุรี ผลิต และจำหน่ายกรอบรูปไม้ ถ่ายทอดหลักการบริหารสินค้าคงคลังแบบ Just In Time แยกประเภทสินค้าเคลื่อนไหวเร็ว-ช้า-ไม่เคลื่อนไหวแนะแนวทางการจัดการสินค้าเกินจำเป็นเพื่อลดต้นทุนจม จำนวนสินค้าคงคลัง และต้นทุนในกระบวนการ ลงได้กว่า 2,000,000 บาท
นอกจากนี้ ในปี 2563-2564 บริษัทฯ ได้ขยายผลโครงการฯ อย่างต่อเนื่องไปยังอีก 10 ธุรกิจ รวมถึงมีเป้าหมายที่จะผลักดัน และยกระดับธุรกิจที่มีศักยภาพสู่การเป็น “ศูนย์การเรียนรู้โตโยตา ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ให้ครบใน 18 จังหวัดตามแผนยุทธศาสตร์ทางการค้าของกระทรวงมหาดไทย ภายในปี 2565 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการส่งต่อประสบการณ์การปรับปรุงธุรกิจแก่ผู้ประกอบการทั่วประเทศต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการ “โตโยตา ธุรกิจชุมชนพัฒน์” จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อน และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP และ SMEs ไทย ให้สามารถพึ่งพาตนเอง ตลอดจนสามารถแบ่งปันประสบการณ์ในการพัฒนาธุรกิจแก่ผู้ประกอบการรายอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อการสร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เติบโตอย่าง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ บริษัทฯ ที่จะขับเคลื่อนความสุขสู่สังคมไทยต่อไป
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/347755