ธุรกิจ
วิริยะประกันภัยฯ คว้า 4 รางวัลประกันภัยดีเด่นปี 63
บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) คว้า 4 รางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2563 ด้วยรางวัล “บริษัทประกันภัยที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น” สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ผู้เอาประกันภัยเกิดความพึงพอใจสูงสุด ในขณะที่รางวัล “ตัวแทนประกันวินาศภัยคุณภาพดีเด่น” ปีนี้ตัวแทนในสังกัดคว้าเรียบทั้ง 3 รางวัลเหมือนเช่นทุกๆ ปี โดยเป็นตัวแทนในพื้นที่นนทบุรี ภูเก็ต และอุดรธานี ตอกย้ำถึงความสำเร็จในแนวทางการพัฒนาคุณภาพตัวแทน ที่มุ่งเน้นให้มีสำนักงานตัวแทนมาตรฐานที่มีภาพลักษณ์ที่เชื่อถือได้เป็นเสมือนหนึ่งสาขาย่อยของบริษัทฯ ที่คอยให้บริการ ให้ความรู้ด้านประกันภัย ตลอดไปถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในการบำเพ็ญประโยชน์ และพัฒนาท้องถิ่นที่สำนักงานตัวแทน วิริยะประกันภัย ตั้งอยู่ทุกทิศทั่วไทย
สุภัทรา ทองขาว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่านับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ในปีนี้ บริษัทฯได้รับรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร (Prime Minister’s Insurance Awards) ประจำปี 2563 จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) รวม 4 รางวัลด้วยกัน คือ รางวัลบริษัทประกันภัยที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น และรางวัลตัวแทนประกันวินาศภัยคุณภาพดีเด่น ซึ่งเป็นรางวัลที่ตัวแทนในสังกัด วิริยะประกันภัย ได้รับมาทุกปีติดต่อกันตั้งแต่มีการมอบรางวัลกันมา โดยในปีนี้ตัวแทนประกันวินาศภัยที่ได้รับการยกยกย่องว่าเป็นตัวแทนประกันวินาศภัยคุณภาพดีเด่น ได้แก่ สุพร จันทร์โภคาไพบูลย์ จากสาขาปากเกร็ด-345 นนทบุรี จิตร์ตรา เพชรวิสัย จากสาขาภูเก็ต และปียพัชณ์ วงศอนันสุนทรี จากสาขาอุดรธานี
สุภัทรา กล่าวต่อไปอีกว่า ต้องขอขอบคุณสำนักงาน คปภ. และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมรรคผลที่คณะผู้บริหารของบริษัทมีความตระหนักร่วมถึงภาวะ “Digital Disruption” จึงทำให้ต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันสามารถสร้างนวัตกรรมใน 3 ด้านหลักได้อย่างบรรลุผล ทั้งทางด้านเทคโนโลยีเพื่อการวิเคราะห์และใช้ประโยชน์จากข้อมูล (Big Data and Data Driven Technology) ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยให้บริษัทฯ เข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าและคู่ค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนงานขายและการให้บริการ เช่น พัฒนาพแลทฟอร์มดิจิทอล เพื่อให้ คู่ค้า นายหน้า และตัวแทนใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงและให้บริการแก่ลูกค้า
เทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่อทางธุรกิจกับคู่ค้า API หรือ Application Programming Interface ช่วยให้บริษัทฯ สามารถเชื่อมโยง และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ผ่านหลากหลายช่องทางพันธมิตรทางธุรกิจหรือคู่ค้า ในระยะเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อเป็นเครื่องมือในการประเมิน แยกแยะ วางแผนบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างเท่าทันและมีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีเพื่อให้บริการสินไหมทดแทน โดยคัดสรรเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ได้แก่ บริการ “VClaim on VCall” หรือ บริการเคลมนัดหมายผ่านวีดีโอคอลล์
เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้เอาประกันภัยที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบสภาพความเสียหายรถยนต์ สามารถนัดหมายการเคลมในวันเวลาที่สะดวก และยังสามารถรับบริการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอพนักงานเคลมไปยังจุดนัดหมาย
“โดยเฉพาะระบบ VClaim on VCall ได้เริ่มทดลองใช้มาตั้งแต่ปลายปี 2562 ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว การันตีได้จากผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าทื่ใช้บริการ และที่สำคัญเป็นระบบที่เข้ามารองรับวิกฤต COVID-19 ได้อย่างทันท่วงที เพราะหัวใจสำคัญในการป้องกันไวรัส COVID-19 คือ การรักษาระยะห่าง Social Distancing ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดอยู่ในระหว่างทดลองให้บริการ และคาดว่าจะให้บริการเต็มรูป แบบประมาณกลางปี 2564 นี้ จึงนับเป็นอีกนวัตกรรมบริการประกันภัย ที่บริษัทฯ ได้สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการด้านสินไหม ควบคู่ไปกับการใส่ใจพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และการบริการให้ได้คุณภาพมาตรฐาน ตรงความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุด” สุภัทรากล่าว
ส่วนรางวัลตัวแทนประกันวินาศภัยคุณภาพดีเด่นที่ตัวแทนในสังกัดของบริษัทฯ ได้รับมาทุกๆ ปีนั้น สุภัทราเปิดเผยเพิ่มเติมว่าเป็นการสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่ยังคงให้ความสำคัญในระบบคนกลางประกันภัยมาอย่างต่อเนื่องตลอด 73 ปีที่บริษัทฯ ก่อตั้งมา จนทำให้โครงสร้างของระบบตัวแทนของบริษัทฯ มีวัฒนธรรมในการทำงาน ซึ่งหมายถึงวงจรอาชีพตัวแทนที่มีที่มา มีแก่นสาร มีความมั่งคง และเชื่อมโยงทางความรู้ แนวคิด ค่านิยมจากรุ่นสู่รุ่น และเมื่อโลกเข้าสู่ยุควิถีชีวิตแบบปกติใหม่ (New Normal) ด้วยโครงสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่มีอยู่แล้ว จึงมิใช่เป็นเรื่องยากที่บริษัทฯ จะนำเทคโนโลยีเข้าไปสนับสนุนให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ด้วยการยกระดับสำนักงานตัวแทนให้เป็นสำนักงานตัวแทนมาตรฐานที่พรั่งพร้อม ด้วยเทคโนโลยีที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว มีอัตลักษณ์เดียวกันกับบริษัทฯ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่เชื่อถือได้ เพราะต้องทำหน้าที่เสมือนเป็นสาขาย่อยของบริษัทฯ ซึ่งหมายความว่าทั้งตัวแทนเจ้าของสำนักงาน และบุคลากรในสำนักงานตัวแทนนั้นๆ ต้องมีความเป็นมืออาชีพที่พร้อมให้ความรู้ด้านประกันภัยในทุกมิติให้กับประชาชน ในพื้นที่ที่สำนักงานตั้งอยู่ และหมายรวมไปถึงการดำรงวิชาชีพอย่างมีจรรยาบรรณ มีจิตสาธารณะในการเข้าไปมีส่วนร่วมบำเพ็ญประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่ที่สำนักงานตั้งอยู่อีกด้วย
“ตลอดระยะเวลาเกือบ 73 ปี บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างเคร่งครัด ตามมาตรฐานที่สำนักงาน คปภ. กำหนดไว้ ทั้งการประกอบกิจการด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม การรับผิดชอบต่อผู้เอาประกันภัย ตลอดไปถึงการสร้างสรรค์คุณประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ ยังเป็นองค์กรที่มีฐานะมั่นคงแข็งแกร่งทั้งด้านการเงิน และการเป็นที่ยอมรับของสาธารณชน โดยในปี 2562 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 74,568 ล้านบาท เงินกองทุนมูลค่า 45,251 ล้านบาท ในขณะที่เงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมายมีมูลค่า 18,954.51 ล้านบาท เกินกว่ามาตรฐานที่ คปภ. กำหนดไว้” สุภัทรา กล่าวในที่สุด
อนึ่ง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 8 เดือนแรก (มค.-สค.63) บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับจากการรับประกันภัยโดยตรงรวม 25,070.52 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 21,742.66 ล้านบาท แยกเป็นภาคสมัครใจ 19,840.61 ล้านบาท ภาคบังคับ 1,902.05 ล้านบาท ส่วนนอนมอเตอร์ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 3,327.86 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันอัคคีภัย 180.72 ล้านบาท ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 311.62 ล้านบาท และประกันภัยเบ็ดเตล็ด 2,835.51 ล้านบาท
เรื่องโดย : สุดาภรณ์ ไกรแก้ว
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/346735