รถล่าสุด
MG HS PHEV พลัก-อิน ไฮบริด ราคาสุดกระชากใจ ที่ 1,359,000 บาท !
MG HS PHEV (เอมจี เอชเอส พีเอชอีวี) ขับเคลื่อนด้วยระบบพลัก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid) กำลังสูงสุด 284 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 49.0 กก.-ม. จากเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 23.5 กก.-ม. ระบบเกียร์แบบ EDU II-10 Speeds ที่ใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์เพียง 0.2 วินาที ตอบสนองได้อย่างทันใจ และเพิ่มความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.5 วินาที พร้อมรูปแบบการขับขี่ถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ Normal, Eco, EV และ Sport เสริมด้วยปุ่ม Super Sport ที่สามารถเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น
แบทเตอรีใน MG HS PHEV เป็นแบบลิเธียม-ไอออน แบบ 6 โมดูล ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง โดยมีขนาดใหญ่ถึง 16.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้มีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพในการสะสมพลังงานได้มากกว่า รวมถึงการทำระยะทางได้มากขึ้น โดยสามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % สูงสุดถึง 67 กม./การชาร์จเต็ม 1 ครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีในมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Hairpin Design ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถดึงสมรรถนะของการส่งกำลัง และลดอัตราการสูญเสียพลังงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ Coolant ซึ่งดีกว่าระบบระบายความร้อนแบบปกติ ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจ และปลอดภัยในการขับขี่ ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก American UL2580 และผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน IP67 ในการป้องกันน้ำ และฝุ่น
MG HS PHEV มาพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่สามารถชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบทเตอรี (Regenerative) โดยเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ และด้วยเทคโนโลยีพลัก-อิน ไฮบริด ทำให้ MG HS PHEV มีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดอยู่ที่ 65 กม./ลิตร (อ้างอิงจากข้อมูลของ Eco Sticker) และมีการปล่อยค่าไอเสีย หรือคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 36 กรัม/กม.
MG HS PHEV ตกแต่งห้องโดยสารภายในด้วยสี 2-Tone Monaco Blue ใส่ใจในทุกรายละเอียดด้วยวัสดุ Soft Touch เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat ตกแต่งด้วยวัสดุ Alcantara เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง เพิ่มความเป็นส่วนตัวในห้องโดยสารด้วย NVH Luxury Silence Space เพิ่มฟีล์มกันเสียง และแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอก พร้อมหลังคาซันรูฟที่เปิดกว้างแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) บนพื้นที่เกือบ 90 % ของพื้นที่ จอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว และจอควบคุมกลางแบบทัชกรีนขนาด 10 นิ้ว ระบบเสียง BOSE 8.1 Sound System และแสงไฟในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ที่สามารถปรับเฉดสีได้มากถึง 64 เฉดสี
MG HS PHEV มีการติดตั้งระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ด้วยเทคโนโลยี AI ที่สามารถตอบโจทย์ผู้ขับขี่ด้วย Smart Command ที่สามารถสั่งการระบบผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทย หรือควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟน มีระบบ Smart Connect สามารถเลือกฟังเพลงได้ทั้งรูปแบบออนไลน์ ระบบค้นหาร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว พร้อมนำทางและรายงานการจราจรแบบ Real Time รวมทั้งการอ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ และยังสามารถอัพเกรดระบบได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ Smart Check ที่มีระบบ Charging Management ในการตรวจสอบสถานะแบทเตอรี การชาร์จไฟฟ้าเข้าแบทเตอรี และการค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงการตรวจสอบสถานะรถยนต์ และเตือนเมื่อมีสถานะผิดปกติ สั่งการลอค หรือปลดลอคประตูรถ ค้นหารถด้วยระบบ Find My Car และการเข้าถึงบริการ Passion Service ของ MG ช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ ผ่าน MG Mobile Application
MG HS PHEV มีระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรค และช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ จำนวน 14 ระบบ และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) หรือระบบช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ จำนวน 11 ระบบ
สำหรับระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) ถือเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับที่ 2 (Partial Automation) โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
กลุ่มระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา RDA (Rear Drive Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
เรื่องโดย : ภูเขม หน่อสวรรค์ poukhem@imc.co.th
ภาพโดย : เกรียงศักดิ์ ปันสม
คอลัมน์ Online : รถล่าสุด (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/346492