ธุรกิจ
บริษัท เอเชีย แค็บ จำกัด พร้อมสร้างมาตรฐานแทกซีไทย
บริษัท เอเชีย แค็บ จำกัด ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแทกซีไทย ทุ่มงบเปิดฐานการผลิตรถยนต์ Asia Cab (เอเชีย แคบ) “ฟอร์มูลา” สนทนาธุรกกิจกับ ผศ.ดร. ศรายุทธ เรืองสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฯ
ฟอร์มูลา : จุดเริ่มต้นของ บริษัท เอเชีย แค็บ จำกัด ?
ผศ.ดร. ศรายุทธ : บริษัท เอเชีย แค็บ จำกัด ผู้ผลิตรถแทกซี และดำเนินกิจการให้บริการรถแทกซี ได้ร่วมมือกับ Zhejiang Geely New Energy Commercial Vehicle ค่ายรถจากประเทศจีน ตั้งฐานผลิตรถยนต์บแรนด์ Asia Cab รุ่น AS4 ครั้งแรกในไทย ที่โรงงานประกอบรถยนต์ Asia Cab ณ นิคมอุตสาหกรรมบางชัน
เราเช่าโรงงานประกอบรถยนต์ของกลุ่มพระนครยนตรการ ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางชัน เป็นโรงงานประกอบรถแทกซี TX4 ด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจจริงที่จะยกระดับการบริการของแทกซีในประเทศไทยให้ดีขึ้น
บริษัทฯ ได้วางแผนประกอบ และผลิตรถ Asia Cab เพื่อให้บริการธุรกิจแทกซีสาธารณะในประเทศไทย ภายใต้งบประมาณการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนส่วนของโรงงานประกอบรถยนต์ อู่แทกซี และการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เพื่อให้บริการกับลูกค้าผู้เรียกใช้รถแทกซี CABB ให้ได้รับความสะดวกสบาย และความพึงพอใจสูงสุด
ฟอร์มูลา : วางนโยบายไว้อย่างไร ?
ผศ.ดร. ศรายุทธ : การร่วมทุนในครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกแห่งความภูมิใจของกลุ่มซีเอเอส (C.A.S. GROUP) และเอเชีย แค็บฯ ที่ก้าวข้ามอุตสาหกรรมที่ท้าทาย ด้วยการก่อตั้งบริษัทขึ้นจากความตั้งใจที่จะพัฒนามาตรฐานรถแทกซีในประเทศไทยให้เทียบเท่าระดับสากล โดยควบคุมคุณภาพตั้งแต่ตัวรถ ต้องออกแบบมาเพื่อการใช้งาน สำหรับเป็นรถแทกซีโดยเฉพาะ ไม่ใช่นำรถยนต์ทั่วไปมาทำ ดังนั้น จึงจำเป็นที่ต้องประกอบรถเองภายใต้บแรนด์ “Asia Cab” รุ่น AS4
บริษัทฯ มองว่าอุตสาหกรรมรถแทกซียังมีช่องว่างที่สามารถเติบโตได้ไม่ยาก ปัจจุบันมีรถแทกซีถูกกฎหมายอยู่ประมาณ 80,000 คัน และผิดกฎหมายอยู่ 70,000 คัน รวม 150,000 คัน บริษัทฯ ผลิตรถได้เต็มที่ปีละ 3,000 คัน ใช้เวลา 30 ปี กว่าจะสามารถครองตลาดได้ นโยบายหลักของบริษัทฯ ไม่ได้เน้นการแข่งขันกับใคร แต่ต้องการสร้างคุณภาพใหม่ในอุตสาหกรรมรถแทกซี รวมถึงคนขับแทกซีที่ให้บริการด้วยหัวใจ ขณะนี้เริ่มนำรถออกบริการอย่างต่อเนื่อง ประมาณเดือนละ 100 คัน
ฟอร์มูลา : จุดเด่นของ CABB แทกซี คืออะไร ?
ผศ.ดร. ศรายุทธ : เอเชีย แค็บฯ เป็นผู้ประกอบการรถแทกซีเพียงแห่งเดียวในโลกที่ทำธุรกิจแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ คือ เริ่มตั้งแต่โรงงานประกอบรถ อบรมบุคลากร และพัฒนาเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ทั้งนี้เพื่อให้ผู้โดยสารมั่นใจในคุณภาพทุกครั้งที่ใช้บริการ มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัย สะอาด สะดวกสบาย ในราคาที่จับต้องได้
รถยนต์ Asia Cab รุ่น AS4 มีรูปทรงคลาสสิค และเปี่ยมด้วยนวัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์จากรถลอนดอนแทกซี รุ่น TX4 ที่เป็นโมเดลต้นแบบ อาทิ ห้องโดยสารกว้างขวางขนาด 5 ที่นั่ง แผงกั้นระหว่างคนขับ และห้องโดยสาร พร้อมระบบสื่อสาร Intercom เสริมราวจับสำหรับผู้สูงอายุ และทางลาดสำหรับรถเข็น ปุ่ม SOS ในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้วยจุดชาร์จ USB และ Wi-Fi ตลอดการเดินทาง
นอกจากนี้ ลูกค้ายังมั่นใจได้ว่า พนักงานขับรถแทกซี CABB ทุกคน ทุกคัน ผ่านมาตรฐานการคัดเลือกของบริษัทฯ ทั้งการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ การให้บริการ และที่สำคัญ คือ พนักงานขับรถทุกคนจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพ 13 รายการ และมีการวัดไข้ทุกเช้าก่อนออกให้บริการ พร้อมพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อภายในรถ และจุดสัมผัสต่างๆ ด้วย จึงมั่นใจได้ว่าใช้บริการรถแทกซี CABB จะได้รับความปลอดภัย ปราศจากโรค
นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาระบบไอที และแอพพลิเคชัน เพื่อให้บริการได้สะดวกรวดเร็ว เข้าถึงทุกพื้นที่ เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน และตอบโจทย์ของผู้ใช้ได้เหนือกว่ารถบริการสาธารณะทั่วไป
ฟอร์มูลา : มีจุดให้บริการที่ใดบ้าง ?
ผศ.ดร. ศรายุทธ : ศูนย์การค้าพารากอน, ไอคอนสยาม, เดอะ มอลล์, ดิ เอมโพเรียม และโรงพยาบาลต่างๆ รวมแล้วประมาณ 10 จุด และจะขยายจุดให้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมประมาณ 50 จุด โดยจะมีรถแทกซี CABB ให้บริการ 1,000 คัน
ฟอร์มูลา : ค่าบริการเริ่มต้นเท่าไร ?
ผศ.ดร. ศรายุทธ : 60 บาท จากนั้นก็จะคิดค่าบริการตามระยะทางจริง ไม่แตกต่างจากบริการของแทกซีทั่วไป โดยผู้โดยสารสามารถเรียกใช้บริการผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ แอพพลิเคชัน “CABB” จุดจอดแทกซี ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และคอลล์เซนเตอร์ โทร. 0 - 2026 - 8888
ฟอร์มูลา : มีแผนที่จะผลิตรถออกมาจำหน่ายหรือไม่ ?
ผศ.ดร. ศรายุทธ : ด้วยรูปลักษณ์ของรถ Asia Cab มีคนจำนวนมากสนใจจะซื้อ แต่บริษัทฯ ไม่มีนโยบายผลิตรถเพื่อจำหน่ายแต่อย่างใด
ฟอร์มูลา : แผนระยะยาววางไว้อย่างไร ?
ผศ.ดร. ศรายุทธ : หลังจากประสบความสำเร็จเรื่องจำนวนรถแทกซี บริษัทฯ มองถึงการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องการบริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งหากมีสถาบันที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของระบบขนส่ง จะทำให้ประเทศไทยมีการพัฒนาจัดการที่ดีขึ้น เพราะปัจจุบันระบบขนส่งต่างๆ ในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็นของบริษัทต่างประเทศเข้ามาบริหารทั้งหมด ทำให้เงินไหลออกนอกประเทศ แต่ถ้าคนไทยมีความรู้เรื่องการบริหารจัดการระบบขนส่งสาธารณะ ก็สามารถพัฒนาระบบให้แข่งขันกับต่างประเทศได้
ส่วนเฟสต่อไป มองที่การมุ่งสู่พลังงานสะอาด ปัจจุบันรถ Asia Cab ใช้พลังงานแกสแอลพีจี แต่บริษัทฯ ก็ศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการใช้รถพลังงานไฟฟ้า โดยอาจเริ่มที่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารับจ้างก่อน ส่วนรถแทกซี คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะประเทศไทยยังไม่พร้อมเรื่องสถานีชาร์จไฟฟ้า
ฟอร์มูลา : วางเป้าหมายไว้อย่างไร ?
ผศ.ดร. ศรายุทธ : Asia Cab ต้องการสร้างบแรนด์ พร้อมพัฒนาบริการในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง ซึ่งหลังจากที่กรุงเทพฯ ประสบความสำเร็จ เป้าหมายต่อไป คือ ขยายไปในต่างจังหวัด เช่น พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และในอนาคตวางเป้าหมายไปในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงในอีก 2-3 ปี จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงยังมีแผนที่จะขยายไปในธุรกิจ รถประจำทาง และมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : สายชล อรรถาเวช
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/346353