Audi e-tron Sportback 55 Quattro S line (เอาดี อี-ทรอน สปอร์ทแบค 55 กวัตตโร เอส ไลน์) ครอสส์โอเวอร์ทรงสปอร์ทคูเป สมรรถนะสูง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบไฟฟ้า (Electric Quattro) ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว มีกำลังสูงสุดถึง 408 แรงม้า (ในโหมด Boost ขณะที่โหมดปกติ คือ 360 แรงม้า) มีระยะทำการสูงสุด 463 กม./การชาร์จเต็มของแบทเตอรีความจุ 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง (จากการทดสอบโดยใช้มาตรฐาน NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.7 วินาที ในโมด Boost (โหมดปกติจะใช้เวลา 6.6 วินาที)
วิสัยทัศน์ของ Audi ระบุว่า “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % คือ อนาคต” และยังสะท้อนปรัชญา “Vorsprung Durch Technik” ก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังสะท้อนปรากฏการณ์สำคัญครั้งใหม่ในยุคของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % ด้วยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าของ Audi e-tron Sportback 55 Quattro S line มีการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ (Recuperation) อย่างชาญฉลาด 2 รูปแบบ คือ ทั้งจากพลังงานจากการปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว (Coasting) และพลังงานจากการเบรค (Braking)
รูปแบบที่ 1 พลังงานจากการปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว ซึ่งมีวิธีการตั้งค่าการทำงานรูปแบบนี้ 2 วิธี คือ ตั้งค่าจากแป้น Paddle Shift ที่สามารถเลือกปรับได้ 3 ระดับ และผู้ขับขี่สามารถเลือกที่จะตั้งระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่โดยอัตโนมัติผ่านฟังค์ชัน Predictive Efficiency Assist (PEA) ในระบบ MMI ได้อีกด้วย ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วของรถได้จากการถอนเท้าออกจากคันเร่ง โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรคได้
รูปแบบที่ 2 พลังงานจากการเบรค (Braking) เมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรคจะส่งผลให้เกิดพลังงานกลับเข้ามาในระบบการขับขี่ หากเหยียบเบรคที่ความเร็ว 100 กม./ชม. จะสามารถนำพลังงานกลับเข้าไปได้สูงสุดมากกว่า 70 % ของกำลังที่มอเตอร์ผลิตได้ และการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ในรุ่น e-tron Sportback สามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้มากถึง 30 % ของระยะทางทั้งหมด
Audi e-tron Sportback 55 Quattro S line ได้รับการออกแบบให้มีความล้ำสมัย ภายใต้แนวคิดมุมมองใหม่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % กระจังหน้าแบบ Single Frame สะท้อนเอกลักษณ์ของ Audi มีมาดสปอร์ทชัดเจน ขณะที่รูปทรงแบบคูเป มีความลงตัวในแบบสปอร์ท โฉบเฉี่ยว เสริมมาดเข้มด้วยชุดตกแต่งภายนอกสไตล์ S Line รวมถึงสปอยเลอร์หลัง และขอบประตูอลูมิเนียม
รูปทรงดังกล่าวยังช่วยให้ e-tron Sportback มีจุดศูนย์ถ่วงของรถที่ต่ำ เกาะถนนได้ดีขึ้น ขับขี่ได้คล่องแคล่ว แม่นยำ ขณะที่สมดุลของตัวรถ มีการกระจายน้ำหนักที่ 50:50 ในกรณีที่มีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมพิเศษ กล้องแสดงภาพด้านข้าง (Virtual Exterior Mirrors) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้งเพิ่มเติม โดยในรุ่นปกติจะเป็นกระจกมองข้าง
ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งภายใน และติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสมกับการเป็นรถยนต์หรู ผสมผสานเทคโนโลยีในรูปแบบดิจิทอลได้อย่างลงตัว จุดเด่น คือ จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual Cockpit Plus ขนาด 12.3 นิ้ว และจอภาพขนาด 8.6 นิ้ว รองรับการสั่งการด้วยการเขียนด้วยนิ้ว เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถืออย่างง่ายดายด้วย Audi Smartphone Interface ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียมของ Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ
หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคเลื่อนเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ให้บรรยากาศที่รื่นรมย์ด้วยแสงสว่างจากธรรมชาติ พร้อมชุดตกแต่งห้องโดยสารแบบ Interior S Line ของ Audi e-tron Sportback ประกอบด้วย เบาะนั่งหุ้มหนัง Valcona คุณภาพสูง เบาะนั่งคู่หน้าแบบ S Sports ตกแต่งแบบ Diamond Cut พร้อมสัญลักษณ์ S line พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันท้ายตัดหุ้มหนังแบบสปอร์ท พร้อมสัญลักษณ์ S line และ Paddle Shift
Audi e-tron Sportback 55 Quattro S line รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ 2 ของค่าย 4 ห่วง เปิดตัวฉับไวในบ้านเรา ราคา 5,299,000 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Glacier white metallic, Floret silver metallic, Mythos black metallic, Daytona grey pearl effect t, Siam beige metallic และ Antigua blue metallic กำหนดส่งมอบตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ลูกค้า Audi ที่จองรถยนต์ และรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron ใหม่ ทุกรุ่นจะได้รับการดูแลจาก Audi Protection ด้วยการรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) และรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron ทุกรุ่น รับประกันแบทเตอรี 8 ปี หรือ 160,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และการให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชม. นาน 5 ปี
ตารางสเปคของ Audi e-tron Sportback 55 Quattro S line (คลิคที่รูปเพื่อดูขนาดเต็ม)