Hyundai Motor ประเทศเกาหลีใต้ ประกาศเปิดตัว Hyundai Tucson (ฮันเด ทูซอน) รุ่นที่ 4 อย่างเป็นทางการ ด้วยรูปลักษณ์สุดโฉบเฉี่ยว และทันสมัย เปิดบันทึกใหม่ของรถยนต์อเนกประสงค์ของ Hyundai ที่ได้ชื่อว่าขายดีที่สุด พร้อมท้าชนคู่แข่งอย่าง Toyota RAV4 (โตโยตา รัฟโฟร์), Honda CR-V (ฮอนดา ซีอาร์-วี), Mazda CX-5 (ซีเอกซ์-5), Nissan X-Trail (นิสสัน เอกซ์-ทเรล) และ Subaru Forester (ซูบารุ ฟอเรสเตอร์)
Hyundai Tucson เริ่มผลิตครั้งแรกเมื่อปี 2547 ถือเป็นรถคอมแพคท์เอสยูวีรุ่นแรกของ Hyundai ที่พัฒนาขึ้นเอง รุ่นนี้สร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ Hyundai Elantra (เอลันทรา) และ Kia Sportage (เกีย สปอร์เทจ)โดยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 และ 2.7 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ที่มีฐานการผลิตที่ประเทศเกาหลีใต้, อินเดีย, บราซิล, จีน, ตุรกี, อียิปต์, ยูเครน และไต้หวัน
ในรุ่นนี้ยังมีการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ในชื่อ Hyundai JM (ย่อมาจาก Joyful Mover) อีกด้วยในปี 2548 แต่สุดท้ายก็ต้องปิดตัวบแรนด์ Hyundai ที่ญี่ปุ่นในปี 2552 เพราะไม่สามารถยืนหยัดท่ามกลางกระแสชาตินิยมของญี่ปุ่นได้ รวมถึงรูปทรงที่ดูทื่อๆ ไร้ชีวิตชีวาในยุคนั้น แม้คุณภาพ และความปลอดภัยจะอยู่ในระดับดีก็ตาม
แต่ด้วยยอดขายที่มากพอในต่างประเทศ ผู้บริหารของ Hyundai ที่กรุงโซล จึงตัดสินใจพัฒนา Tucson รุ่นต่อไป แต่ปัญหาสำคัญของรถเกาหลีในอดีต อยู่ที่การออกแบบยังขาดความเป็นตัวของตัวเอง และ Tucson รุ่นแรกเส้นสายก็ไม่ได้มีความสะดุดสายตามากนัก Hyundai จึงตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางการออกแบบของตนใหม่หมด เป็นแนวทาง Fluidic Sculpture Design ที่ใช้กันอยู่ในรุ่นปัจจุบัน
Hyundai Tucson รุ่นที่ 2 เริ่มผลิตเมื่อปี 2552 เป็นรุ่นที่มีชื่อเรียกหลากหลายมากขึ้น เช่น ในยุโรปใช้ชื่อ Hyundai ix35 (ไอเอกซ์ 35) และในเกาหลีใต้ ใช้ชื่อ Hyundai Tucson ix (ทูซอน ไอเอกซ์) โดยมีเครื่องยนต์เบนซิน 1.6, 2.0 และ 2.4 ลิตร รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล 1.7 และ 2.0 ลิตร ด้วย
ในประเทศไทย บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้นำ Hyundai Tucson เข้ามาจำหน่ายเมื่อปี 2553 ถือเป็น Hyundai รุ่นที่ 2 ของไทย ที่เปิดตัวตามหลังตลาดโลกทันที นอกจาก Hyundai H-1 (เอช-1) ซึ่งเป็นรถตู้ที่สร้างยอดขายจำนวนมากให้แก่ Hyundai โดยมีเฉพาะเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แต่สามารถเลือกระบบขับเคลื่อนได้ทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อ ต่อมาได้เพิ่มรุ่น NAVI Series เมื่อปี 2556 แต่เนื่องจากเป็นรถนำเข้าทั้งคัน จึงไม่สามารถทำราคาสู้กับคู่แข่งได้ ทำให้ Hyundai Tucson รุ่นที่ 3 เปิดตัวในปี 2558 ไม่ได้ไปต่อในประเทศไทย
Hyundai Tucson รุ่นที่ 4 ใหม่ มีความสปอร์ททันสมัย ล้ำหน้าไปอีกขั้น ภายใต้งานออกแบบที่เรียกว่า Parametric Dynamic ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับรถที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องประดับ มีความสวยงาม
ตัวถังพยายามลดรอยห่างของตัวรถ ให้ดูเหมือนไร้ตะเข็บรอยต่อ ด้านหลังออกแบบ Kinetic Design ไฟท้าย LED ต่อเป็นแถบยาว เชื่อมไฟท้ายทั้ง 2 ข้าง โดยที่ปัดน้ำฝนหลังถูกซ่อนไว้ใต้สปอยเลอร์ ขณะที่ด้านข้างให้เส้นสายมัดกล้าม โป่งล้อขนาดใหญ่ ดูสมบุกสมบัน พร้อมลุยทุกเส้นทาง
ด้านในห้องโดยสาร Hyundai เผยว่า ใช้งานออกแบบที่เรียกว่า Interspace ที่ให้ความรู้สึกกว้างขวางเป็นสีทูโทน คอนโซลหน้าเล่นระดับ มาพร้อมหน้าจอ 10.25 นิ้ว 2 ชุด ประกอบด้วย หน้าจอที่ใช้แสดงผลในการขับขี่ และหน้าจอระบบสั่งการ และความบันเทิงรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto รวมถึงดีไซจ์นช่องแอร์ที่ออกแบบเป็นแนวยาว และไฟส่องสว่างภายใน Ambient light แบบ LED ที่สามารถปรับเฉดสีได้มากถึง 64 สี พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง ระบบชาร์จมือถือ Wireless Smartphone
Hyundai ยังแนะนำระบบ E Handling ที่ช่วยเรื่องการตอบสนองของพวงมาลัย และช่วยในการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง มาพร้อมระบบขับเคลื่อน All Wheel Drive HTRAC ได้แก่ Eco/Comfort/Smart/Sport โดยมีฟังค์ชันสำหรับลุยในเส้นทางทุรกันดารเพิ่มเข้ามา ทั้ง Mud, Sand และ Snow โดยมีขุมพลังทั้งเบนซิน 2.5 ลิตร 190 แรงม้า แรงบิด 25.2 กก.-ม. (247 นิวตัน-เมตร) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.6 ลิตร ทั้งแบบ Hybrid และ Plug-in Hybrid (PHEV) แรงม้ารวมสูงถึง 230 แรงม้า แรงบิด 35.7 กก.-ม. (350 นิวตัน-เมตร)
New Hyundai Tucson จะเปิดตัววางจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ประเทศเกาหลีใต้ในเดือนกันยายนนี้ และเริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา และทั่วโลกในปีหน้า สำหรับประเทศไทยยังคงต้องลุ้นกันต่อไป