Honda (ฮอนดา) ประกาศครึ่งปีแรกครองยอดขายอันดับ 1 รถยนต์นั่ง ด้วยยอดจำหน่าย 41,326 คัน พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์โดยรวมปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 680,000 คัน ประกาศทิศทางครึ่งปีหลัง เน้นกลยุทธ์ดิจิทอล ยกระดับงานบริการหลังการขายเพื่อเพิ่มความสะดวก และมั่นใจให้แก่ลูกค้า รองรับไลฟ์สไตล์แบบ New Normal
พิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 ทำให้ประชาชนต้องปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต และการทำงาน ผู้บริโภคไม่กล้าใช้จ่าย และชะลอการตัดสินใจซื้อสินค้า ภาคธุรกิจทั้งประเทศหยุดชะงัก รวมทั้งธุรกิจรถยนต์ด้วย ส่งผลต่อยอดขายรถยนต์ครึ่งปีแรก 2563 (มกราคม-มิถุนายน 2563) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาโดยมียอดขายรวม 325,773 คัน หรือลดลง 38.7 % เช่นเดียวกับตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรวม ที่มียอดขาย 141,366 คัน หรือลดลง 41.8 % โดย Honda มียอดขายรวม 41,326 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 29.2 % ซึ่งสามารถครองยอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีอัตราลดลง 36.1 % ซึ่งถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 แต่ Honda ก็ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าตลาดรถยนต์ส่วนบุคคลโดยรวม
ยอดขายรถยนต์ Honda ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-มิถุนายน 2563) แบ่งตามเซกเมนท์ ประกอบด้วย
กลุ่มรถยนต์ซับคอมแพคท์ซีดาน Honda City (ฮอนดา ซิที) ยังได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มนี้ ด้วยยอดขาย 16,950 คัน หรือคิดเป็น 39.3 %
กลุ่มรถยนต์คอมแพคท์ Honda Civic (ฮอนดา ซีวิค) และ Honda Civic Hatchback (ฮอนดา ซีวิค แฮทช์แบค) ยังครองความเป็นผู้นำด้วยยอดขาย 8,656 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 56.7 %
กลุ่มรถยนต์สปอร์ทอเนกประสงค์ กลุ่มรถยนต์สปอร์ทอเนกประสงค์ขนาดกลาง Honda HR-V (ฮอนดา เอชอาร์-วี) ครองอันดับ 1 มียอดขายสะสม 3,667 คัน ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 33 % และกลุ่มรถยนต์สปอร์ทอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ Honda CR-V (ฮอนดา ซีอาร์-วี) ครองอันดับ 1 มียอดขายสะสม 1,978 คัน ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 43 %
กลุ่มรถยนต์ครอบครัว Honda Accord (ฮอนดา แอคคอร์ด) มียอดขายสะสม 2,270 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 45.3 %
ช่วงครึ่งปีหลัง Honda มองว่าช่วงนี้ลูกค้าบางส่วนที่เคยชะลอการซื้อออกไปก็เริ่มกลับมาตัดสินใจซื้อสินค้า ผนวกกับภาครัฐที่มีมาตรการผ่อนปรนในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตลอดจนมีแผนฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ทยอยออกมา ซึ่ง Honda คาดว่าจากปัจจัยเหล่านี้จะมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม และทำให้ความต้องการการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น โดย Honda ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใน 3 ด้าน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคใหม่ อันประกอบด้วย
1) ด้านการขายและการตลาด
Honda เพิ่มความเข้มข้นด้านการตลาดออนไลน์ โดยใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์ (Big Data) และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในหลายด้าน อาทิ
2) ด้านการบริการหลังการขาย
พร้อมสร้างคุณค่าของงานบริการแบบใหม่ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าการดูแลรถยนต์ Honda เป็นเรื่องง่าย และสามารถเลือกรับบริการได้ในรูปแบบที่ต้องการ โดยได้ปรับกลยุทธ์เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และการใช้ชีวิตของลูกค้าแบบ New Normal มากยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในงานด้านต่างๆ ดังนี้
นอกจากนี้ Honda ยังได้ร่วมกับผู้จำหน่ายนำร่องเพื่อนำเสนอบริการรูปแบบใหม่ ที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ตอบรับการใช้ชีวิตแบบ New Normal ได้แก่
3) ด้าน Digital Transformation
สร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของทั้งองค์กร โดยนำดิจิทอล เทคโนโลยีมาใช้ เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด และเพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้า ซึ่งในยุคที่มีการแข่งขันสูง Digital Transformation มีส่วนสำคัญในการสร้างศักยภาพในการแข่งขัน Honda ได้เน้นการสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทอลทุกส่วนงาน มุ่งยกระดับทักษะของพนักงานทางด้านดิจิทอล มีการเชื่อมโยงข้อมูล พร้อมนำไปวิเคราะห์ร่วมกับการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อการพัฒนารูปแบบการนำเสนอผลิตภัณฑ์ การบริการ และการสื่อสารทางการตลาด ไปสู่สิ่งที่ลูกค้าคาดหวังได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
Honda ได้ริเริ่ม Blockchain Innovative Technology (BIT) อีกหนึ่งพโรเจคท์สำคัญ ที่เริ่มต้นขึ้นเพื่อรองรับ Big Data และการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจัดตั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ขึ้นมา เพื่อทดลองการทำงานแบบไร้รอยต่อในแต่ละเจเนอเรชัน ในช่วงแรกจะเริ่มใช้กับกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทฯ (CSR) เพื่อกระตุ้นให้พนักงานทำกิจกรรมเพื่อสังคม ด้วยการบันทึกการทำความดีผ่าน Time Banking ซึ่งโมเดลดังกล่าวจะนำไปประยุกต์ใช้กับงานในส่วนอื่นๆ ของ Honda ต่อไปในอนาคต
“ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย ทิศทางตลาดของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าในช่วงต้นปีแรก แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดยังมีความอ่อนไหวหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ซึ่งอาจทำให้ประชาชนกลับมาระมัดระวังการใช้ชีวิต และการใช้เงินอีกครั้ง Honda ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินงานในหลายด้านเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าในยุคใหม่ และยังคงมาตรการ Social Distancing ในโชว์รูมและศูนย์บริการ รวมถึงทุกพื้นที่ในการดำเนินธุรกิจอย่างเข้มงวดต่อไป Honda คาดว่าตลาดรถยนต์รวมในปี 2563 จะมียอดขายรวม 680,000 คัน ลดลงจากปีก่อน 32 % โดยเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 304,000 คัน ลดลงจากปีก่อน 35 %