VDO
Ford เผยแผนรุกตลาดครึ่งปีหลัง
[video mp4="https://www.autoinfo.co.th/uploads/2020/07/ford1.mp4"][/video]
Ford ประเทศไทย ปรับแผนธุรกิจ หลังอุตสาหกรรมยานยนต์เจอพิเศษ COVID-19 สู่การตลาดยุคใหม่ ทั้งด้านดิจิทอลมีเดีย ตัวแทนจำหน่าย การรับประกัน ฯลฯ “ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ วิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
ฟอร์มูลา : วิกฤต COVID-19 กระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์โลกและ Ford อย่างไร ?
วิชิต : COVID-19 ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ ได้รับผลกระทบทั่วโลก ที่สำคัญที่สุดโรงงานผลิตรถยนต์ทั่วโลกต้องหยุดการผลิตชั่วคราว รวมถึง Ford (ฟอร์ด) แต่ถือว่าช่วยให้เกิดความสมดุลของยอดขาย และยอดผลิต เพราะหากดูยอดขายรถยนต์ของประเทศไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาจะมีประมาณ 70,000 คัน/เดือน แต่เมื่อเจอกับ COVID-19 ยอดขายลดลงมาเรื่อย เดือนเมษายน ลดลงเหลือเพียง 30,000 คัน แต่หลังจากนั้นในเดือนมิถุนายน ยอดขายเริ่มเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 40,000 คัน อีกทั้งโรงงานก็เริ่มเปิดการผลิตตามปกติ เราคาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์หลังจากนี้จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น แต่คงยังไม่เหมือนเดิม ยอดขายรวมปี 2563 นี้น่าจะอยู่ที่ 600,000 คัน จากที่เคยคาดว่าจะมียอดขายเกินกว่า 1 ล้านคัน
ส่วน Ford ได้รับผลกระทบ แต่ในวิกฤตยังมีโอกาส เพราะจากเดิมตลาดรถยนต์โดยรวมจะแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 58 % และพิคอัพ 42 % แต่ช่วง พค.-มิย. ยอดขายของรถพิคอัพมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50 % เห็นได้ว่ารถเพื่อการพาณิชย์ยังเป็นที่ต้องการอยู่ ทำให้ Ford ซึ่งมีความแข็งแกร่ง และความหลากหลายของรถประเภทนี้ เช่น Ford Ranger มีถึง 28 รุ่น Ford Ranger Raptor พิคอัพพรีเมียมสมรรถนะสูง รวมถึง Ford Everest เราจึงร่วมกับลีซิง จัดพโรแกรมส่งเสริมการขายแก่ลูกค้า บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้เป็นเจ้าของรถยนต์ Ford ได้ง่ายขึ้น
ส่วนยอดขายของ Ford ครึ่งปีแรกปรับตัวลดลงตามตลาดรถยนต์รวม โดย Ford มียอดขายประมาณ 12,000 คัน และคาดการณ์ว่า ช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มตลาดรถยนต์น่าจะสดใส Ford น่าจะมียอดขายประมาณ 13,000-14,000 คัน หรือมียอดขายลดลง 40-50 % แตกต่างจากปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 50,000 คัน แต่อย่างไรก็ถือว่าสอดคล้องกับตลาดรวมรถยนต์ปี 2563
ฟอร์มูลา : Ford วางแผนเพื่อฟื้นตัวจากวิกฤตนี้อย่างไร ?
วิชิต : จากผลกระทบของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ลดลง Ford ได้ปรับแผนการตลาดไว้ 3 ระยะ คือ สั้น กลาง และยาว
ระยะสั้น จากผลกระทบของ COVID-19 พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง รัฐบาลขอความร่วมมือให้ประชาขนเว้นระยะห่าง Ford เน้นการทำตลาดแบบดิจิทอล ซึ่ง Ford มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว โดยได้รับรางวัล Thailand Zocial Awards 5 ปีซ้อน เพราะที่ผ่านมา Ford มุ่งเน้นการทำตลาดแบบดิจิทอลมาอย่างต่อเนื่อง และในวิกฤตครั้งนี้ Ford ได้นำรูปแบบการตลาดออนไลน์มาปรับปรุงให้ใช้กับตัวแทนจำหน่ายเพื่อคลายความกังวลให้แก่ลูกค้า โดย Ford ปรับรูปแบบการตลาดเป็นแบบดิจิทอล ได้รับการตอบรับอย่างดี อันดับแรก ได้เข้าไปสนับสนุนตัวแทนจำหน่าย ปรับรูปแบบการทำงานระหว่างพนักงาน และลูกค้า ให้มีการติดต่อกันผ่านระบบออนไลน์ เพื่อรักษาระยะย่าง ไม่ว่าจะเป็นการขาย การบริการ โดยมีโมบายล์เซอร์วิศไปบริการให้ลูกค้าถึงที่บ้าน ทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัย
นอกจากนี้ ภายในโชว์รูม ยังปรับรูปแบบการให้บริการ เพื่อเว้นระยะห่าง ไม่ว่าจะเป็นการจัดโชว์รถ ห้องรับรองลูกค้า และศูนย์บริการ รวมถึง ออฟฟิศของพนักงานก็ยังปรับเว้นระยะห่าง และพ่นยาฆ่าเชื้อเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันประเทศไทยจะผ่านวิกฤตนี้ไปในระยะเวลา 3-6 เดือน
อีกส่วนหนึ่ง Ford มองว่าตัวแทนจำหน่ายต้องมีความเข้มแข็ง และดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น Ford ได้ปรับดีมานด์ ซัพพลาย ให้ตัวแทนจำหน่ายมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับรายได้ เช่น สตอค การลดภาระดอกเบี้ย รวมถึงการแนะแนวทางการตลาดดิจิทอล เพื่อให้ผ่านวิกฤตไปด้วยกัน
ส่วนระยะกลางถึงยาว Ford มั่นใจว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ เพราะที่ผ่านมา Ford ปฏิวัติผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถพิคอัพที่เน้นเรื่องออพชันต่างๆ ที่ถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมรถพิคอัพ พร้อมยังลงทุนในการพัฒนาจนได้ผลิตภัณฑ์ที๋โดดเด่นอย่าง Ford Ranger Raptor พิคอัพระดับพรีเมียมที่ยังไม่มีคู่แข่งในตลาด ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการรถพิคอัพที่มีเครื่องยนต์ และสมรรถนะดีที่สุด ปลอดภัยสูงสุด พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
พร้อมกันนี้ ยังเน้นการพัฒนาบุคลากรหลายรูปแบบ มีการอบรมต่อเนื่อง สร้างความแข็งแกร่งให้แก่ผู้แทนจำหน่าย พัฒนาการบริการหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Ford Family Guaranteee เปิดบริการคอลล์เซนเตอร์ 1384 ให้บริการคำปรึกษา 7 วัน 24 ชั่วโมง พโรแกรม Quick Touch โทรหาลูกค้าสอบถามความพึงพอใจ รับฟังข้อเสนอแนะ หลังจากเข้ารับบริการ โดยจะมีเจ้าหน้าที่โทรสอบถามหลังจากรับผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือเข้ารับบริการใน 3 วัน หากลูกค้าติดขัดเรื่องของผลิตภัณฑ์ก็จะได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว แสดงถึงความใส่ใจ และการดูแล เพื่อให้ Ford เข้าไปอยู่ในใจลูกค้ามากที่สุด
ฟอร์มูลา : กลยุทธ์ในการรุกตลาดครึ่งปีหลัง ?
วิชิต : Ford มองว่าการปลดลอคของรัฐบาลจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยค่อยๆ ฟื้นตัว โดย Ford เข้ามาในเมืองไทยปีนี้ปีที่ 25 ซึ่งวันที่ Ford เข้ามาในเมืองไทยถือว่าเป็นรายใหม่ในตลาด แต่มีความพร้อมทั้งผลิตภัณฑ์ การผลิต ตัวแทนจำหน่าย จนถึงปัจจุบัน Ford พร้อมที่จะเติบโต ด้วยผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และถึงแม้ว่ารถพิคอัพในตลาดจะมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่เรามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของ Ford สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
และเพื่อเป็นการตอบแทนในความไว้วางใจของลูกค้า Ford ออกแคมเปญใหม่ “การรับประกันเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังนาน 10 ปี หรือ 150,000 กม.” แล้วแต่ระยะใดถึงก่อนสำหรับลูกค้าที่จองและออกรถ Ford Ranger Raptor, Ford Everest และ Ford Ranger เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-30 กันยายน 2563 โดยจะครอบคลุมชิ้นส่วนต่างๆ ภายใต้ กลุ่มเครื่องยนต์ กลุ่มส่งกำลัง และกลุ่มเพลาขับ รวม 157 กลุ่มอะไหล่
นอกจากนี้ Ford ยังจัดแคมเปญส่งเสริมการขายพิเศษ Referral Campaign สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่ใช้ Ford Ranger Raptor ที่แนะนำเพื่อนมาจอง และออกรถ Ford Ranger Raptor ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-30 กันยายน 2563 สามารถเลือกรับพโรแกรมขยายเวลารับประกันเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง จากที่มีอยู่เดิมเป็น 10 ปี หรือ 150,000 กม. หรือเลือกรับบัตรกำนัลเพื่อเข้ารับบริการจาก Ford (Service Voucher) มูลค่า 15,000 บาท อย่างใดอย่างหนึ่ง
ฟอร์มูลา : Ford มองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะมีวิวัฒนาการไปในด้านใด ?
วิชิต : Ford เชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าบุคลากรของไทยมีความสามารถ คุณภาพการผลิตของไทยสามารถที่จะแข่งขันได้กับในต่างประเทศ พร้อมกันนี้ บริษัทรถยนต์ก็ได้เข้ามาลงทุนโดยใช้ไทยเป็นฐานการผลิต รวมทั้ง Ford ก็มีการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีโรงงานถึง 2 แห่ง ได้แก่ ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอม) ที่เพิ่งฉลองครบรอบ 10 ปี เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 โรงงานแห่งนี้ Ford ลงทุนไปแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่วนอีกโรงงานหนึ่ง ออโต้อัลลายแอนซ์ ครบรอบ 25 ปี เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 โดย 2 โรงงานนี้มีกำลังการผลิตกว่า 2 แสนคัน การลงทุนของ Ford เป็นการแสดงถึงความมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทย
นอกจากการลงทุนด้านการผลิตแล้ว Ford ยังมีการวิจัยพัฒนาในเรื่องของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าเรือธง Ford Ranger และ Everest ได้พัฒนารุ่นใหม่ พร้อมใส่เทคโนโลยีที่ทันสมัย ไมว่าจะเป็นระบบความปลอดภัย ระบบ SYNC (ซิงค์) ระบบถอยจอด อีกทั้งยังมีการส่งออกไปจำหน่ายกว่า 180 ประเทศทั่วโลก
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ, สุดาภรณ์ ไกรแก้ว
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
คอลัมน์ Online : VDO
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/334404