โจทย์สำคัญของทีมงาน Range Rover (เรนจ์ โรเวอร์) ในการที่จะสานต่อรถยนต์ Range Rover ใหม่ เจเนอเรชันที่ 5 เพื่อต่อกรกับรถยนต์ของคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Benteyga (เบนเทย์กา) ของ Bentley (เบนท์ลีย์), Cullinan (คัลลิแนน) ของ Rolls-Royce (โรลล์ส-รอยศ์) รวมไปถึง BMW X7 (บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 7)
Range Rover ไม่เพียงต่อยอดความสำเร็จจากเจเนอเรชันก่อนหน้านี้ แต่ยังนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาผสมผสานเข้าด้วยกัน ทั้งในด้านของระบบส่งกำลัง, การขับขี่อัตโนมัติ และระบบอินโฟเทนเมนท์
ก่อนหน้านี้ Land Rover (แลนด์ โรเวอร์) ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญอันหนึ่ง คือ Range Rover และ Range Rover Sport (เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ท) เจเนอเรชันใหม่ จะใช้พแลทฟอร์มโครงสร้างตัวถังอลูมิเนียมรุ่นใหม่ ซึ่งพแลทฟอร์มใหม่นี้ มีน้ำหนักที่เบากว่าพแลทฟอร์ม D7u ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และยังเป็นพแลทฟอร์มที่มีน้ำหนักน้อยที่สุดที่มีใช้อยู่ในกลุ่ม Jaguar Land Rover (แจกวาร์ แลนด์ โรเวอร์)
พแลทฟอร์มใหม่นี้มีชื่อว่า Mudular Longitudinal Architecture หรือ MLA เป็นพแลทฟอร์มอลูมิเนียมที่จะนำไปใช้กับรถยนต์ในกลุ่ม Jaguar Land Rover ทั้งหมด ตั้งแต่ Jaguar XE (แจกวาร์ เอกซ์อี) ไปจนถึง Range Rover โดยคุณสมบัติสำคัญของพแลทฟอร์มนี้ คือ น้ำหนักเบา ออกแบบมาเพื่อรองรับการวางชุดแบทเตอรีสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริด รวมถึง เทคโนโลยี และชุดส่งกำลังต่างๆ ในอนาคต สำหรับ Range Rover เจเนอเรชันใหม่ รหัสตัวถัง L460 จะมีมิติตัวรถที่แตกต่างไปจากเจเนอเรชันปัจจุบันเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังเล็กกว่า Bentley Bentayga อยู่ ยกเว้นความสูงที่มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคู่แข่งขันอย่าง Rolls-Royce และ Aston Martin (แอสตัน มาร์ทิน) พร้อมแล้วสำหรับการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เพียบพร้อมด้วยความหรูหรา สะดวกสบายระดับพรีเมียม แต่สำหรับ Land Rover แม้ว่าพแลทฟอร์ม MLA จะถูกออกแบบให้รองรับได้หลากหลายขุมพลังในการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานไฟฟ้า, เครื่องยนต์เบนซิน, ดีเซล หรือพลัก-อิน ไฮบริด แต่ดูเหมือนว่าสำหรับ Range Rover เจเนอเรชันใหม่นี้ ในเบื้องต้นจะยังไม่มีรุ่นขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้เลือกใช้ เนื่องจากต้องการแยก Range Rover พลังงานไฟฟ้าให้มีความแตกต่างไปจากรุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจนโดยจะเป็นรถยนต์แบบเอสเตทยกสูง พร้อมความมีคุณภาพที่ยกสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ขณะที่การใช้งานแบบออฟโรดจะมีข้อจำกัดมากกว่า
นอกเหนือจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแล้ว Range Rover ใหม่ จะยังคงทางเลือกสำหรับลูกค้าด้วยชุดส่งกำลังพลัก-อิน ไฮบริด ที่วางตำแหน่งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่เพลาหลัง ประสานการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ Ingenium เบนซิน 4 สูบ ที่เมื่อเลือกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวจะวิ่งใช้งานได้เป็นระยะทางได้เกินกว่า 50 กม.
ส่วนรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในอื่นๆ จะมีการใช้เครื่องยนต์ Ingenium 6 สูบเรียง รุ่นใหม่ ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล แทนที่เครื่องยนต์รุ่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยที่เครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ สามารถปรับใช้กับเทคโนโลยี 48V mild-hybrid เพื่อเพิ่มสมรรถนะ และความประหยัดได้อีกด้วย
ทางด้านของระบบอินโฟเทนเมนท์ Range Rover ใหม่ จะมาพร้อมกับระบบ Touch Pro Duo เวอร์ชันใหม่ โดยจะมีจอดิสพเลย์ขนาด 10 นิ้ว 2 จอ ที่สามารถใช้งานได้พร้อมกัน นอกจากนี้ ยังมีระบบ Smart เวอร์ชันใหม่ รวมไปถึงระบบสั่งการระยะไกลที่สามารถสั่งให้เปิดประตูหน้าบ้าน, ไฟในครัว ฯลฯ ได้จากภายในรถอีกด้วย สำหรับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ Range Rover ใหม่ อาจเป็นโมเดลนำร่องสำหรับการใช้เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติของ Jaguar Land Rover โดยอาจเริ่มจากการหาพื้นที่สำหรับจอดรถ และการนำรถเข้าจอดโดยอัตโนมัติ