ปัจจุบันรถ SUV กำลังเป็นที่นิยมจากผู้ใช้รถทั่วโลก ดูได้จากยอดจำหน่ายที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ Toyota ตัดสินใจนำชื่อ Venza กลับมาปัดฝุ่นอีกครั้ง หลังจากที่เจเนอเรชันแรก ได้หยุดทำตลาดในทวีปอเมริกาเหนือแล้ว ตั้งแต่ปี 2017
Toyota Venza จัดอยู่ในกลุ่ม Mid-size Crossover SUV ถูกวางตำแหน่งการตลาดคั่นกลางระหว่าง RAV4 กับ Highlander ซึ่งความจริงแล้ว Toyota Venza คือ ฝาแฝดของ Toyota Harrier นั่นเอง โดยมีคู่แข่งในตลาดได้แก่ Chevrolet Blazer, Ford Edge, Nissan Murano, Hyundai Santa Fe และ Honda Passport
Toyota Venza สร้างขึ้นบนพแลทฟอร์ม TNGA-K ตัวเดียวกับที่ใช้ใน Camry, Avalon, RAV4 และ Highlander ที่ได้รับคำชมว่าให้การขับขี่ที่ดีขึ้นจากเดิม และมีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง และความปลอดภัยมากขึ้น
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว พร้อมระบบ Hybrid System II ให้กำลังรวมทั้งหมด 219 แรงม้า และแบทเตอรีเป็นแบบ Lithium-ion ติดตั้งอยู่บริเวณใต้เบาะผู้โดยสารด้านหลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD แบบ On-demand ซึ่งระบบจะสั่งให้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้อปรับกระจายแรงบิดเพื่อการยึดเกาะพื้นผิวได้ดีขึ้น โดยระบบจะทำงานแปรผันตามสภาพถนนอยู่ตลอดเวลา ช่วงล่างแบบ Multi-link มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 17 กม./ลิตร
Toyota Venza มีจุดเด่นที่ความนุ่มนวลในการขับขี่ การบังคับควบคุม มีเสียงรบกวน และแรงสั่นสะเทือนที่น้อยมาก แต่ยังคงไว้ซึ่งความแรง สมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยม
ภายในห้องโดยสารเป็นจอทัชสกรีนควบคุมระบบต่างๆ ภายในขนาด 8 นิ้ว ในรุ่นเริ่มต้น และจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว ในรุ่น XLE เชื่อมต่อฟีเจอร์ Apple CarPlay กับ Android Auto พร้อมลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง กระจกมองหลังเป็นแบบดิจิทอล โดยมีหลังคากระจก Sunroof แบบ Star Gaze
Toyota ได้รวมเอาฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ไว้เป็นมาตรฐานในทุกรุ่น คุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญ ได้แก่ :
– ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติมาตรฐาน พร้อมระบบตรวจจับคนเดินเท้า Automated Emergency Braking with Pedestrian Detection
– คำเตือนการออกนอกเลนมาตรฐาน พร้อมความช่วยเหลือในการเก็บเลน
– ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบมาตรฐาน Lane-Departure Warning with Lane-Keeping Assist
– ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบ Dynamic Radar Cruise Control
ส่วนประกอบไฮบริดของ Venza จะได้รับการคุ้มครองโดยการรับประกันพิเศษ 8 ปี/100,000 ไมล์ และแบทเตอรีได้รับการคุ้มครองเป็นเวลา 10 ปี หรือ 150,000 ไมล์