ทดลองขับ(formula)
Nissan Kicks e-POWER ครอสส์โอเวอร์โฉมใหม่ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
Nissan Kicks e-POWER คอมแพคท์ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี รุ่นใหม่ ที่โฉบเฉี่ยว เพิ่มความทันสมัย และมาพร้อมด้วยเทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ (e-POWER) ที่ให้พละกำลัง และอัตราเร่งเสมือนรถยนต์ไฟฟ้า และลดการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งไม่พึ่งพาการชาร์จแบทเตอรีจากภายนอก
Nissan Kicks e-POWER มีขนาดตัวถัง ยาว 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. และสูง 1,615 มม. ระยะฐานล้อ 2,615 มม.
Nissan Kicks e-POWER มีซุ้มล้อโดดเด่นเข้ากับรูปลักษณ์แบบรถครอสส์โอเวอร์ พร้อมเอกลักษณ์การออกแบบ หรือ Design DNA ที่เป็นเฉพาะของ Nissan เช่นเดียวกับในรถยนต์ Nissan ทุกรุ่น ด้วยกระจังหน้าแบบ V-motion ไฟหน้าแบบ LED
ไฟท้ายแบบ LED ทรงบูเมอแรง การออกแบบแนวเส้นหลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof Line) และภายในใช้ลายเส้นของปีกเครื่องร่อน (Gliding Wing) ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้แนวคิดการออกแบบของ Nissan เพิ่มความโดดเด่นให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตในเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีของผู้บริโภคในปัจจุบัน
คอมแพคท์ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี รุ่นใหม่นี้ ยังมาพร้อมการออกแบบที่ให้ความโดดเด่น และยังคงความปลอดภัย และความแข็งแกร่ง บนพื้นฐานของ (Zone body Concept) อันเป็นมาตรฐานของ Nissan โดยโครงสร้างตัวถังรถถูกสร้างให้มีความสามารถในการดูดซับพลังงาน รับแรงกระแทก และทำให้รถยนต์มีความแข็งแกร่ง ปลอดภัย เหมาะสมสำหรับการขับขี่ในเมือง และการขับขี่ในระยะทางไกล
นอกจากนี้ Nissan Kicks e-POWER ยังมีเส้นสายที่โดดเด่นจากแนวเส้นหลังคาแบบทรงลอยตัว เสริมให้รูปลักษณ์ภายนอกมีพลัง และความแกร่ง
ขณะที่ภายในโทนสีดำ ช่วยเพิ่มอารมณ์สปอร์ท และมีการตกแต่งแบบทูโทน ที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกหมื่นบาท ทำให้ดูโดดเด่น สะดุดตา
พวงมาลัยสปอร์ทแบบมัลทิฟังค์ชัน ทรง D-Shape ปรับสูง/ต่ำได้ สามารถควบคุมระบบการทำงานของเครื่องเสียง และระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ได้ด้วยปลายนิ้ว
กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key - I-Key) ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา พร้อมกุญแจระบบ Immobilizer
ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button) สีฟ้าในตำแหน่งคอนโซลเกียร์
เบาะนั่งด้านคนขับสามารถปรับระดับเพื่อความเหมาะสมกับขนาดร่างกาย ขณะที่ด้านหลังที่นั่งมีช่องเก็บของอเนกประสงค์
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ให้ความเย็นสบายตลอดเวลา
นอกจากนี้ยังมีหน้าจอ TFT Digital Meter ขนาด 7 นิ้ว บนหน้าปัด ที่สามารถแสดงข้อมูลการขับขี่ รวมถึงการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แสดงมาตรวัดอุณหภูมิภายนอก มาตรวัดความเร็ว ระบบการขับขี่และการควบคุม และระบบข้อมูลและความบันเทิงขณะขับขี่
สำหรับรุ่น V และ VL ระบบข้อมูลและความบันเทิง Nissan Connect อินโฟเทนเมนท์ (Infotainment) มาพร้อมระบบเครื่องเสียง Display Audio แบบหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และลำโพงคุณภาพสูง 6 ตำแหน่ง พร้อมการเชื่อมต่อ AM/FM/Bluetooth/USB/AUX-in รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay (สำหรับระบบ iOS) การเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบบลูทูธบนพวงมาลัย เพื่อการควบคุมที่สะดวกยิ่งขึ้น
ขณะที่ระบบความบันเทิงในรุ่น S และ E เป็นระบบเครื่องเสียงมาตรฐาน วิทยุ AM/FM พร้อมการเชื่อมต่อบลูทูธ USB และ AUX-in และลำโพงคุณภาพสูง 4 ตำแหน่ง
พื้นที่ผู้โดยสารด้านหลังมีความกว้างขวาง และสะดวกสบาย มาพร้อมช่องเสียบ USB ผู้โดยสารด้านหลังอีก 2 ช่อง ไว้ชาร์จไฟฟ้าอุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง และระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถกว้างใหญ่กว่ารถในขนาดเดียวกัน โดยมีความจุถึง 432 ลิตร ลึกถึง 90 ซม.
ขุมพลังเทคโนโลยี e-POWER เอกสิทธิ์เฉพาะ Nissan นำเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบทเตอรี (Battery Electric Vehicle-BEV) ที่ต้องอาศัยการชาร์จไฟฟ้า อย่าง Nissan Leaf แต่นำเครื่องยนต์ขนาดเล็กมาทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) ชาร์จสู่แบทเตอรี ลดปัญหาการหาสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้า โดยที่พละกำลัง และสมรรถนะยังคงดีเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า
เทคโนโลยี e-POWER นี้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะทำการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์ โดยพลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรีกำลังสูงจะถูกส่งไปยังระบบขับเคลื่อนขนาดกะทัดรัดของ e-POWER ซึ่งประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซิน เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) อินเวอร์เตอร์ (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (Lithium-ion battery) แตกต่างจากระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดทั่วๆ ไป ที่มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังไม่สูง และจะต้องทำงานคู่กับเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อการขับเคลื่อนช่วงที่ใช้ความเร็วสูง และขณะที่ต้องการกำลังเต็มที่ รวมทั้งช่วงที่พลังงานไฟฟ้าในแบทเตอรีเหลือน้อย
ซึ่งในระบบ e-POWER นั้น เครื่องยนต์สันดาปภายในไม่ได้ถูกเชื่อมต่อกับล้อขับเคลื่อน ทำหน้าที่เพียงให้กำเนิดพลังงานไฟฟ้าสู่แบทเตอรี และอินเวอร์เตอร์ และต่างจากรถยนต์ไฟฟ้า 100 % เต็มรูปแบบ คือ ระบบ e-POWER ได้รับพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไม่ใช่จากแบทเตอรีเพียงอย่างเดียวกัน ที่ต้องมีการชาร์จไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานภายนอก (จุดชาร์จไฟฟ้า)
โดยทั่วไปรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องมีมอเตอร์ และแบทเตอรีขนาดใหญ่ เนื่องจากมอเตอร์เป็นแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าโดยตรงที่ใช้ในการขับเคลื่อน และข้อจำกัดนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต่างจาก Nissan Kicks e-POWER ที่ใช้แบทเตอรีขนาดเล็ก
เครื่องยนต์สันดาปภายในของระบบ e-POWER นั้น มีหน้าที่ผลิตพลังงานไฟฟ้า ทำให้ระยะในการเปิดและปิดลิ้นปีกผีเสื้อไม่สูงมาก เครื่องยนต์สามารถทำงานได้ในสภาพที่ค่อนข้างเหมาะสมตลอดเวลา ส่งผลให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ในโหมดการขับขี่เฉพาะของระบบ e-POWER ผู้ขับขี่จะได้รับประสบการณ์การขับขี่แบบใหม่ล่าสุดผ่านเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ หรือ One-Pedal ที่ผู้ขับขี่สามารถเร่ง, ลดความเร็วลง, และหยุดรถ โดยใช้เพียงคันเร่งอย่างเดียว ช่วยลดความจำเป็นในการขยับเท้าเพื่อมาเหยียบแป้นเบรค
Nissan Kicks e-POWER ใหม่ ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย คือ EV mode S mode Eco mode และ Normal mode
โดยใน EV mode ให้อัตราเร่งดี รวมถึงช่วยการหยุด (ด้วยการยกคันเร่งขึ้นจาก One-Pedal) เช่นเดียวกับการเบรคในรถยนต์ไฟฟ้า
ใน S mode หรือ Smart mode รถจะเร่งความเร็วได้ดีเพิ่มขึ้น พร้อมกับกำลังสำหรับการหยุดที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ใน Eco Mode รถจะลดการใช้พลังงานบางส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันผ่านการควบคุมพลังงานของแบทเตอรี
เทคโนโลยี e-POWER ของ Nissan Kicks e-POWER ใช้เครื่องยนต์ HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร แถวเรียงแบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว 3 สูบ รับหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และยังมีส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่สำคัญๆ อาทิ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ EM57 ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า ที่ 4,000-8, 992 รตน. มีแรงบิดสูงสุด 26.5 กก.-ม. หรือ 260 นิวตัน-เมตร ที่ 500-3,000 รตน. และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) มีจำนวน 4 โมดูล เทคโนโลยีนี้มอบการเร่งความเร็วที่ราบรื่น การขับขี่ที่เงียบ และการประหยัดน้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูง
การขับขี่ที่เสริมความมั่นใจด้วย Nissan Intelligent Mobility และเทคโนโลยีความปลอดภัย Safety Shield Technology ประกอบด้วย
Nissan Kicks e-POWER เพิ่มประสบการณ์การขับขี่ด้วยเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ One-Pedal ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเร่ง ลดความเร็ว และหยุดรถ เพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียวเท่านั้น การใช้เพียงคันเร่งเดียว ช่วยทำให้การขับขี่สะดวกสบาย และง่ายมากขึ้น เช่น การกะระยะห่างระหว่างรถคันหน้า การชะลอและหยุดเมื่อลงเขา หรือหยุดเมื่อเจอสัญญาณไฟจราจร ทั้งนี้ เทคโนโลยี One-Pedal ยังช่วยให้ผู้ขับขี่มีความสนุกสนาน จากการขับโดยใช้เพียงคันเร่งเดียวอีกด้วย
ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICC: Intelligent Cruise Control)
เทคโนโลยีนี้ควบคุมความเร็วที่สั่งการได้อัตโนมัติ และในสถานการณ์ที่มีรถอยู่ข้างหน้า ระบบจะรักษาระยะห่างตามความเร็วแปรผันกับรถคันหน้า ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ ทั้งนี้ ระบบสามารถชะลอรถตามความเร็วของรถคันหน้า และรักษาระยะห่างระหว่างตัวรถตามที่ตั้งค่าไว้ได้เองโดยอัตโนมัติจนถึงระดับรถหยุดนิ่ง ภายใน 2 วินาที ระบบสามารถกลับมาใช้ความเร็วได้ โดยจะปรับความเร็วขึ้นเองโดยอัตโนมัติกลับไปสู่ความเร็วที่ผู้ขับได้ตั้งไว้ และสามารถตั้งค่าระยะห่างจากรถคันหน้าได้ 3 ระดับ
ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (IFCW: Intelligent Forward Collision Warning) จะส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด หากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า
ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัจฉริยะ (IEB: Intelligent Emergency Braking)
ระบบจะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ โดยจะช่วยวิเคราะห์ระยะห่าง และความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็ว และหยุดรถ เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดจากอุบัติเหตุ
ระบบเตือนจุดอับสายตา (BSW: Blind Spot Warning) เพิ่มความปลอดภัยในสถานการณ์ที่ต้องการเปลี่ยนช่องทางการขับขี่ ทันทีที่สัญญาณไฟเลี้ยวถูกเปิดระบบจะส่งเสียงสัญญาณพร้อมไฟกะพริบเตือนให้รู้ล่วงหน้าว่าขณะนั้นกำลังมีรถคันอื่นอยู่ในช่องทางขับขี่ด้านข้าง ซึ่งผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็น
ระบบเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (RCTA: Rear Cross Traffic Alert) จะทำการเตือนระหว่างเข้าเกียร์ถอยหลัง เมื่อตรวจพบรถที่กำลังเคลื่อนเข้ามาทางด้านหลังทั้งซ้าย และขวา ระบบจะส่งสัญญาณเตือนพร้อมไฟกะพริบเตือนในด้านเดียวกันกับที่มีรถเคลื่อนที่เข้ามา
กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (IAVM: Intelligent Around View Monitor) และระบบตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (MOD: Moving Object Detection) ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน กล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอ ซึ่งช่วยให้การจอดรถง่ายขึ้น และยังทำงานร่วมกับเทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (MOD) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคล หรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ จะปรากฏบนหน้าจอระบบสัมผัส 8 นิ้ว จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัย และให้ความมั่นใจในการขับขี่อย่างคล่องตัว
กระจกมองหลังอัจฉริยะ (IRVM: Intelligent Rear View Mirror) ที่มีหน้าจอแบบ LCD แสดงภาพจากกล้องด้านหลังตัวรถ โดยภาพบนจอจะช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นทัศนวิสัยด้านหลังได้ในมุมที่กว้างขึ้น โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเปลี่ยน ระหว่างจอแสดงภาพจากกล้อง หรือจากกระจกได้ เพื่อช่วยให้การมองเห็นสภาพการจราจรด้านหลังได้อย่างชัดเจนที่สุด สำหรับเทคโนโลยี IRVM นี้ช่วยเสริมความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการขับขี่ในกรณีที่มีการบรรทุกสัมภาระ หรือมีผู้โดยสารนั่งด้านหลัง
ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA: Hill Start Assist) เมื่อขับรถขึ้นบนทางลาดชันระบบจะช่วยป้องกันไม่ไห้ตัวรถไหลลงขณะออกตัว เมื่อยกเท้าออกจากแป้นเบรค ระบบจะสั่งให้เบรคทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเหยียบคันเร่ง และออกตัวอย่างนุ่มนวล
นอกจากเทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility ยังประกอบด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ยิ่งขึ้น
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC: Vehicle Dynamic Control)
เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ โดยควบคุมการชะลอความเร็ว รวมถึงการตอบสนองของพละกำลังเครื่องยนต์ ช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัวของรถขณะหักหลบกะทันหัน ให้ความมั่นใจ ตอบสนองทุกการขับขี่อย่างฉับไว ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสถานการณ์คับขันต่างๆ
ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (IRC: Intelligent Ride Control) เมื่อพื้นผิวถนนไม่เรียบ มีร่องหลุมขนาดใหญ่ หรือขนาดเล็ก ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์ และเบรค ทำให้การขับขี่ราบรื่นมากยิ่งขึ้น
ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (ITC: Intelligent Trace Control) ระบบจะช่วยตรวจสอบ และแก้ไขการบังคับเลี้ยว หรือการเร่ง ซึ่งจะช่วยปรับและควบคุมและเบรคล้อทั้ง 4 ให้เป็นไปตามพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ที่ง่ายต่อการควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง โดยระบบจะประเมินจากพฤติกรรมการขับขี่ ทั้งการบังคับพวงมาลัย การเบรค และการเร่งความเร็ว
ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด ประกอบด้วย คู่หน้า/ข้าง และม่านข้างซ้ายขวา (ในรุ่น VL) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งในทุกรุ่น เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts) เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลัง ELR แบบ3 จุด 3 ตำแหน่งที่นั่ง เสริมความปลอดภัยด้วยจุดยึดเบาะที่นั่งเด็กแบบ ISOFIX เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารที่เป็นเด็ก
นอกจากระบบความปลอดภัยพื้นฐานอย่าง ระบบเบรคป้องกันล้อลอค (ABS: Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรค (EBD: Electric Brake Force Distribution System) ระบบเสริมแรงเบรค (BA: Brake Assist) ระบบเบรคมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบหยุดรถอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) และไฟเบรคดวงที่ 3 พร้อมไฟ LED สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
รูปแบบการขับขี่ และการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
Normal mode การขับขี่ในแบบปกติจะให้อัตราเร่งความเร็ว และการหยุดรถที่ดีเยี่ยม เทียบเท่ากับการหยุดของรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆ ไป
S (Smart) mode เพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อน และตอบสนองอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น
ECO mode ปรับการทำงานของระบบ e-POWER ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองลง ทำให้เครื่องยนต์ และระบบ มีการใช้เชื้อเพลิง และพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
EV mode ปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบทเตอรี โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งแบทเตอรีอยู่ในระดับต่ำ สัมผัสถึงความเงียบ และอีกขั้นของความประหยัด
Nissan Kicks e-POWER มีรัศมีวงเลี้ยว 5.1 ม. มาพร้อมพวงมาลัยระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า ทำให้รถมีความคล่องตัวในทุกสภาพถนน
หลังจากได้ทดลองขับในทุก mode ทุกโค้ง หลากหลายรูปแบบ Nissan Kicks e-POWER สามารถตอบสนองการขับขี่แบบเต็มๆ กำลังจากมอเตอร์พาตัวรถไปได้เทียบเท่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และดีกว่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ติดเทอร์โบ จนถึงความเร็ว 110 กม./ชม.
One-Pedal ช่วยการหยุด ด้วยการยกคันเร่งขึ้นใน EV mode และเพิ่มกำลังการหยุดมากขึ้นใน S mode ทำหน้าที่แทนการเบรค ตั้งแต่ชะลอความเร็ว จนกระทั่งหยุดรถ
กล้องที่มีให้รอบตัว กับกระจกมองหลังที่ใช้หน้าจอแบบ LCD ให้ภาพตรงกับความเป็นจริง ประกอบกับ คล้องตัวด้วยวงเลี้ยวเพียง 5.1 ม. ช่วยให้ขับขี่ในถนนแคบสะดวกมากขึ้น
Nissan Kicks e-POWER มาพร้อมสีภายนอก 6 สีให้เลือก ได้แก่ ดำ (Black Star) ขาว (Storm White) แดง (Radiant Red) เทา (Gun Metallic) เงิน (Brilliant Silver) และส้ม (Monarch Orange)
นอกจากนี้ยังมีสีทูโทน หลังคาสีดำ โดดเด่นสะกดทุกสายตา ซึ่งมีให้เลือกเฉพาะในรุ่น VL สำหรับ 4 สี คือ ส้ม แดง เทา และขาว
Nissan Kicks e-POWER มี 4 รุ่นย่อย พร้อมราคาดังนี้
รุ่น S 889,000 บาท
รุ่น E 949,000 บาท
รุ่น V 999,000 บาท
รุ่น VL 1,049,000 บาท
Nissan Kicks e-POWER ทุกรุ่น มาพร้อมการรับประกันแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ที่มีอายุการใช้งานที่นาน มีความทนทาน และมีสมรรถนะและคุณภาพสูงเป็นเวลา 10 ปี และรับประกันระบบไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี และการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน
เรื่องโดย : thanasan saowamol
ภาพโดย : Nissan และสายชล อรรถาเวช
คอลัมน์ Online : ทดลองขับ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/327513