สวัสดีโลกแห่งคริสต์ศักราช 2020 (พุทธศก 2563) สวัสดี โคโรนาไวรัส (COVID-19) แขกมิได้รับเชิญแต่เหยียบแผ่นดินไปทั่วโลกสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนา ตามข้อมูลที่ได้รับ เมื่อ 16 เมย. ผู้ติดเชื้อยืนยัน 2,258,945 ราย เสียชีวิต 154,390 ราย มากที่สุดในโลก คือ สหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อ 710,272 ราย เสียชีวิต 37,175 ราย ข้อมูลประจำวันที่ 16 เมย. นิวยอร์ค เมืองใหญ่โตที่สุดของสหรัฐฯ ทำสถิติมียอดติดเชื้อ 122,148 ราย เสียชีวิตแล้ว 8,893 ราย ขณะข้อมูลที่ต่างกันลิบจาก แอลเอ-เมืองใหญ่เมืองโตอันดับ 2 รองจากนิวยอร์ค ติดเชื้อ 27,528 ราย เสียชีวิต 985 ราย นิวยอร์ค หรือ เมืองทั้งห้า (Five boroughs) หมายถึง “เธอะ บรองซ์” “บรูคลิน” “แมนฮัททัน” “ควีนส์” และ “สเตเทน ไอส์แลนด์” ลักษณะภูมิศาสตร์ NYC และ NYS คับแคบเมื่อเทียบกับลอสแองเจลิส ลักษณะนิวยอร์ค คือ คอนโด แต่แอลเอ คือ หมู่บ้าน นิวยอร์คมีพื้นที่แคบ ก็ต้องมีตึกสูงๆ ส่วนแอลเอ อาณาเขตแผ่กว้างไกล ตึกสูงแทบไม่มี ลักษณะดังกล่าวนี้ เข้าทาง COVID-19 นิสัยชอบความใกล้ชิด รังเกียจ Physical Distancing 2 เมตร อย่างไรก็ตาม ล่าสุดผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ค ออกคำสั่งให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้าน และเมื่อโดยสารรถ ทั้งรถส่วนตัว และรถรับจ้าง ราชอาณาจักรไทย หรืออาณาจักรขวานทองคำ เริ่มวันแรก 22 มกราคม 2563 ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อ 4 ราย ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2563 มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 42 ราย ล่าสุด สร้างแนวโน้มในด้านบวกพอคาดหมายได้ว่า ไม่ช้านี้ การผ่อนปรนมาตรการ พรก.ฉุกเฉิน 2563 ใกล้คลอด ผลลัพธ์ ไวรัสโคโรนา อะราวนด์ เธอะ เวิร์ลด์ มีคำเดียว วินาศสันตะโร ความเสียหายป่นปี้ของโลกยิ่งกว่าถูกวินาศกรรมด้วยขีปนาวุธร้อยแปด ทุกภาคส่วน ทุกหย่อมหญ้า ได้รับผลลัพธ์เดียวกัน โลกกำลังต่อสู้กับ COVID-19 อย่างน่าสรรเสริญ โดยเฉพาะนักรบแนวหน้า คือ กลุ่มแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ การอุทิศกายใจของนักรบเสื้อกาวน์ทุกท่านครั้งนี้ประทับจิตใจเราไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ความเสียหายจากโรคระบาดบนดินแดนอื่นเป็นอย่างไร เรารับทราบเพียงรายงานจากข่าวสาร ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากความรู้สึกที่เรารับรู้ สถานการณ์ประจำวันในประเทศของเราจากรายงานสาธารณสุขของประเทศ ถึงแม้ทุกภาคส่วนถูกทำลายราบคาบ เราก็ยากจะเชื่อว่า ผู้ล้างโลกของเรา คือ COVID-19 คิดในแง่มองโลกสวย คิดเสียว่า COVID-19 กำลังลดความเหลื่อมล้ำละกัน จะได้หายใจลึกๆ อีกทั้งน้ำใจที่เอื้ออาทรต่อกันตั้งแต่เจ้าของโรงสี จนถึงดารา แจกฟรีอาหาร และเครื่องดื่ม และมอบเงินบริจาค ช่างงดงามอย่างบริสุทธิ์โดยแท้ แต่เอาเถอะไม่เชื่อก็ต้องยอมรับ วันนี้ ทุกคนต้องไม่ออกจากบ้าน และทุกคนที่ออกจากบ้านไปต่างประเทศ ถึงกำหนดจะกลับบ้านก็เข้าบ้านไม่ได้ จนกว่าจะพ้นกำหนดการกักตัวเองอย่างน้อย 14 วัน และทุกคนยอมรับ ไปไหนหรือไม่ไปไหน ต้องสวมหน้ากาก หน้ากากในที่นี้ ไม่ใช่ หน้ากากนักร้องในรายการโทรทัศน์ มันคือ หน้ากากอนามัย ซื้อก็ได้ ทำเองก็ได้ แต่เอาของคนอื่นที่เขาสวมแล้วมาใช้ไม่ได้ หน้ากากของเราเองก็มีอายุใช้งาน บางชนิดซักน้ำสบู่ได้เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ บางชนิดใช้แล้วทิ้ง ใช้แล้วทิ้ง ตัวหน้ากากมันก็ยังไม่พอใจ มันจะพอใจต่อเมื่อ เราใช้และทิ้งหน้ากากตามระเบียบวิธีถูกต้องตามที่สาธารณสุขต้องการ ทั้งนี้ เพราะรากฐานเดียว คือ ช่วยกันนะ อย่าให้เชื้อโรคมันระบาด ไอ้ที่เชื่อยากสุดของเรา คือ แม้จะอยู่บ้านเดียวกัน ทุกคนต้องรักษาตัวทิ้งระยะห่างระหว่างกัน (Physical Distancing) อย่างน้อย 2 เมตร...ว้าว...เป็นไปได้จริงๆ หรือนี่ ? และไม่เชื่อว่าล้างโลกได้ แต่ก็ต้องยอมรับ โลกเปลี่ยนไปเหมือนพลิกฝ่ามือ (มือที่ต้องล้างทุกวันทุกโอกาส) มูลค่าความร่ำรวยกลับเป็นเงินไม่มีค่า รวยแค่ไหนก็ไปนั่งกินโต๊ะไม่ได้ ต้องที่บ้าน, ที่อาศัย, ที่กักตัวเอง จนแค่ไหน วันนี้ขี่มอเตอร์ไซค์บริการส่งสินค้าไม่กี่ชั่วโมง ก็มีรายได้พันบาท ละครถูก COVID-19 ห้ามยกกองถ่ายทำทั้งหมด มวยชกไม่ได้ นวดแผนไทยจะโบราณ หรือจะทันสมัย อย่างไรก็ห้าม โน-คอนเสิร์ท ตะริดติ๊ดชึ่งตามผับตามบาร์ปิดเรียบร้อย ยิ่งกว่าคำสั่งเจ้าหน้าที่ ว่าต้องปิดร้านหลังเที่ยงคืนนะเว้ยเฮ้ย ฟุตบอลทั่วโลกยกเลิก จะชิงเงินรางวัลกันกี่ล้านก็เตะไม่ได้ นักเตะราคาแพงต้องลดเงินค่าเหนื่อย รับเงินครบตามที่ตกลงกันไว้ไม่ได้ ยกเว้นค่ายเงินหนาแบบผีแดง จ่ายตรง-จ่ายเต็ม กีฬาระหว่างประเทศ ศักดิ์ศรีได้รับความเจ็บปวดเพราะ COVID-19 ไม่รู้คุณค่าคำว่า “ศักดิ์ศรี” แม้เป็น โอลิมปิค-ศักดิ์ศรีเอเธนส์ ก็ถูก COVID-19 ห้าม ยูฟา หรือฟีฟา ห้ามทำงานโดยเด็ดขาด แข่งรถ แข่งเรือ แข่งม้า แข่งหมา เลิก, เลิก, เลิก... ขนบประเพณีอันสำคัญยิ่ง คือ มหาสงกรานต์ ยังถูกห้าม เกิดมาแปดสิบกว่าปีไม่เคยได้ยินรัฐออกคำสั่งเปลี่ยนวันหยุดอันสำคัญของประเทศเป็นวันทำการ อะเมซิง ไทยแลนด์ ปิดม่าน สถานที่ท่องเที่ยวจะเท่แค่ไหนก็ไปเที่ยวไปชมไม่ได้ จะออกจะเข้าเมืองแต่ละเมืองยามนี้ ต่อให้มีเงินเต็มกระเป๋าก็ซื้อตั๋วผ่านทางไม่ได้ ไม่ว่ากรุงเทพฯ-เมืองฟ้าอมร หรือทุ่งกุลา-ร้องไห้ อาจารย์ณรงค์ชัย อัครเศรณี ชี้ว่า แผนฟื้นฟูทางเศรษฐกิจระดับชาติของเรา หลังจบข่าวโคโรนาไวรัส ต้องฟื้นฟู “อาหารไทย” เป็นอันดับแรก ศึกครั้งนี้ คนเราใช้เงินออมระหว่าง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” หวังผลจากการเดินทางที่ไม่สะดวก หรือหวังผลการบริการด้านการท่องเที่ยว หรืออุตสาหกรรมรถยนต์ที่ต้องควักกระเป๋าเป็นก้อนโต คงซีดหน้าจนเขียว ดังนั้น อาหารไทย โดยเฉพาะอาหารแปรรูปจากรสมือคนไทย จะเวิร์คมากสุด ไม่มีอะไรจำเป็นเท่าปากกับท้อง อดีตรัฐมนตรีคลังเชื่อว่าฟื้นฟูได้เห็นผลบวกแน่ วินาศขนาดนี้ เชื่อไหมล่ะถ้าบอกว่า ไม่มีใครเคยเห็นหน้าตา COVID-19 จะมีกี่หน้า กี่แขน จะถืออาวุธกี่ศัตราวุธ หรือจะนั่งสิงสาราสัตว์อะไรมาก็ไม่มีใครรู้ ไม่เชื่อที่พูดมาก็ตามใจ แต่เชื่อเถอะคนส่วนมากยังอยากรู้ และอยากรู้มากสุดก็คือ เมื่อไหร่ Tragedy เรื่องนี้จะถึงจุดอวสาน ถึงบรรทัดนี้ เราก็ขอเผยเรื่องที่เล่าต่อกันมาให้ฟัง Abighya Anand กุมารชาวอินเดีย อายุ 14 ปี ได้กล่าวล่วงหน้าหลายเดือนก่อน COVID-19 จะปรากฏตัวว่า โลกจะประสบช่วงเวลาแสนสาหัส เริ่มแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 โดยการแพร่กระจายของเชื้อโรคตัวใหม่ ที่สร้างความตึงเครียดให้กับคนทั้งโลก และ 31 มีนาคม 2563 จะเป็นจุดสูงสุดของการระบาด เนื่องจากเป็นเวลาที่ดาวอังคารโคจรมาพบกับดาวเสาร์ และดาวพฤหัสโคจรพบกับดวงจันทร์ และดาวราหู ปรากฏการณ์นี้ ทางโหราศาสตร์ เชื่อว่า ดาวอังคาร ดาวเสาร์ และดาวพฤหัส เป็นดาวที่ทรงพลังสูงสุด เพราะดาวทั้ง 3 ดวงเป็นวงแหวนรอบนอกของระบบสุริยะ เมื่อดาว 3 ดวงโคจรมาพบกัน พลังของดาวทั้ง 3 ดวงที่มีผลต่อโลกจึงมีกำลังมหาศาล ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 Anand เชื่อว่าแกนกลางของดาวทั้ง 3 ดวงจะแตก ทำให้ชาวโลกสามารถจัดการรับมือเรื่องนี้ได้ วินาศสันตะโร มื้อนี้-เมื่อไหร่จะ วินาศสันติ นอกจาก Anand แล้ว ก็ไม่รู้เทวดาชั้นไหนจะตอบได้นะ ???!!!