Toyota ประกาศเปิดตัว All-new Harrier 2020 รุ่นที่ 4 อย่างเป็นทางการที่ประเทศญี่ปุ่น ถูกพัฒนาขึ้นบนพแลทฟอร์ม TNGA (GA-K) แบบเดียวกับ Camry และ RAV4 มีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิมทุกมิติ
โดยมีความยาว 4,740 มม. เพิ่มขึ้น 15 มม. ความกว้าง 1,855 มม. เพิ่มขึ้น 20 มม. ความสูง 1,660 มม. ลดลง 30 มม. ความยาวฐานล้อ 2,690 มม. เพิ่มขึ้น 30 มม. และระยะห่างจากพื้น 195 มม.
ขุมพลังมีให้เลือก 2 แบบ คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร ที่มาพร้อม Toyota Hybrid System (THS II) ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 22.5 กก.-ม. (221 นิวตัน-เมตร) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 1-2 ตัว โดยมอเตอร์ตัวหน้า (3NM) ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 202 นิวตัน-เมตร มอเตอร์หลัง (4NM) ให้กำลังสูงสุด 54 แรงม้า 121 นิวตัน-เมตร ทำให้กำลังรวมเป็น 218 แรงม้า ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว) และ 222 แรงม้า ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (มอเตร์ไฟฟ้า 2 ตัว)
ระบบขับเคลื่อน E-CVT (Electrically-controlled Continuously Variable Transmission) ซึ่งระบบเกียร์แบบ E-CVT มักใช้กับเครื่องยนต์ประเภท Hybrid E-CVT โดยเป็นชุดฟันเฟืองที่เชื่อมอยู่ระหว่าง Motor Generator ตัวที่ 1 (เครื่องยนต์) และตัวที่ 2 (มอเตอร์ไฟฟ้า) ไม่ใช้สายพานแบบ CVT ที่ใช้กับชุดเกียร์ในเครื่องยนต์เบนซิน Eco Car ทั่วไป อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 24 กม./ลิตร
2.0 Dynamic Force เป็นชื่อเครื่องยนต์เบนซิน รหัส M20A-FKS 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 21.1 กก.-ม. (207 นิวตัน-เมตร) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift-CVT มีให้เลือกทั้งขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มาพร้อม Dynamic Torque Control 4WD
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 16 กม./ลิตร ยางขนาด 225/55 R19 เหมือนกันทุกรุ่นย่อย
พแลทฟอร์ม TNGA ช่วยให้ตัวรถมีความแข็งแกร่งพร้อมจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือน MacPherson strut-type coil spring ด้านหน้า และ Double wishbone-type coil spring ด้านหลัง ที่ให้ทั้งความสบาย และสมรรถนะอันยอดเยี่ยม
ภายในห้องโดยสารแบบทูโทนน้ำตาล-ดำ เบาะหนังแท้ปรับไฟฟ้าแบบ 8 ทิศทาง สำหรับที่นั่งคนขับ และเบาะนั่งไฟฟ้า 4 ทิศทาง สำหรับที่นั่งผู้โดยสาร
หน้าจอข้อมูลขนาด 7 นิ้ว แบบ TFT โดย Harrier ใหม่ จะใช้ระบบ T-Connect ที่สามาiถสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ ผ่านแอพพลิเคชัน Harrier ได้
เพิ่มความเงียบสงบมากขึ้น ด้วยการใช้วัสดุดูดซับเสียง และลดแรงสั่นสะเทือน รวมถึงหน้าต่างก็ดูดซับเสียงได้เช่นกัน ระบบ Infotainment มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมชุดเครื่องเสียง JBL ลำโพง 9 จุด
โดยเป็นหลังคาแบบพาโนรามิคซันรูฟ รุ่นแรกที่สามารถปรับความทึบของกระจกได้ด้วยไฟฟ้า เพื่อทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้นกับ Digital Inner Mirror ได้นำมาใช้ในรถ Toyota เป็นครั้งแรก โดยถูกติดตั้งแทนกระจกมองหลัง ช่วยให้สามารถแสดง และบันทึกภาพด้านหน้า/หลังได้ขณะขับรถ
ในรุ่นไฮบริด มีเต้าเสียบไฟอุปกรณ์เสริมขนาด 100 โวลท์ (กระแสสลับ)/1,500 วัตต์ ช่วยให้สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าที่ใช้ปลั๊กไฟเดียวกับที่บ้าน และยังช่วยให้ยานพาหนะสามารถใช้เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในช่วงที่ไฟดับ และช่วงเวลาฉุกเฉินได้อีกด้วย
และมาพร้อมระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 2.0 เช่น
– Pre-Collision System ระบบความปลอดภัยก่อนการชน
– Lane Departure Warning With Steering Assist ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงพวงมาลัยอัตโนมัติ
– Dynamic Radar Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน
– Automatic High Beam Control ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
Intelligent Clearance Sonar พร้อมด้วย Parking Support Brakes (Stationary Objects) ที่ช่วยป้องกันการชนระหว่างการขับขี่ความเร็วต่ำในลานจอดรถ หรือ Active Cornering Assist (ACA) เป็นระบบที่ควบคุมการเบรคควบคู่ไปกับระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าที่ช่วยให้การบังคับเลี้ยวลดอาการอันเดอร์สเตียร์
ในขณะเข้าโค้งอัตโนมัติ
All-new Toyota Harrier 2020 จะเริ่มวางจำหน่ายในญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีนี้ ส่วนในเมืองไทยคงต้องรอลุ้น เพราะ 3 รุ่นที่ผ่านมา Toyota Thailand ไม่เคยนำเข้ามาทำตลาดในไทย แต่ด้วยความนิยมรถเอสยูวีที่เพิ่มมากขึ้น และในปีนี้ Toyota เองก็มีแผนที่จะเปิดตัวรถเอสยูวีรุ่นใหม่ แฟนๆ ชาวไทยคงต้องรอลุ้นกัน