ธุรกิจ
มาซดา ปลื้มโกยยอดขายกว่า 52,000 คัน มาซดา 2 รั้งเบอร์หนึ่ง 3 ปีติด
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยความสำเร็จการดำเนินธุรกิจประจำปีงบประมาณ 2019 หรือ Fiscal Year 2019 ซึ่งสิ้นสุดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้วยยอดขายรถยนต์ใหม่กว่า 52,000 คัน โดยเฉพาะ มาซดา 2 ยังฮอทสุด ด้วยยอดขายสูงเกือบ 37,000 คัน ครองเบอร์หนึ่งรถเก๋งเล็ก 3 ปีติดต่อกัน ตามติดมาด้วย มาซดา 3 ยอดขายเกือบ 5,000 คัน และที่กำลังมาแรงมากที่สุด คือ ซีเอกซ์-30 และ ซีเอกซ์-8 จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ มาซดา เพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ทันสมัยมากที่สุด ให้สมรรถนะแรงขับขี่ที่เร้าใจ แต่ประหยัดน้ำมัน ประกอบกับการออกแบบดีไซจ์นที่เน้นความเรียบง่ายแต่คงความงดงาม จนสามารถก้าวขึ้นแท่นความเป็นที่สุดของยนตรกรรมชั้นนำที่สามารถครองใจลูกค้าชาวไทย และคนทั่วโลก ปีนี้เตรียมกลยุทธ์เด็ดมากยิ่งขึ้น เพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้วยการบุกตลาดรถครอสส์โอเวอร์ และลุยตลาดรถพิคอัพ ชูกลยุทธ์การบริหารงานแบบครบวงจร เปิดเกมรุกการสื่อสาร และการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ SKY booking ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น มุ่งเป้ายอดขายรวมที่ 60,000 คัน
ชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของ มาซดา ในปีงบประมาณ 2019 (ระหว่างเดือนเมษายน 2562-มีนาคม 2563) ที่ผ่านมาว่า แม้ตลาดรถยนต์ในช่วงปีที่ผ่านมาจะมีการแข่งขันที่สูงมาก อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกรอบทิศทาง แต่ มาซดา ก็ยังสามารถทำยอดขายรวมได้ถึง 51,702 คัน ขยายตัวลดลง 27 % ครองส่วนแบ่งการตลาด 5.5 % ในขณะที่อุตสาหกรรมโดยรวมลดลง 11 % ด้วยตัวเลข (ประมาณการ) อยู่ที่ 944,000 คัน
สรุปยอดขายรถยนต์ มาซดา ประจำปีงบประมาณ 2019 อยู่ที่ 51,702 คัน แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลด้วยจำนวนที่สูงถึง 41,035 คัน โดย มาซดา 2 ยังคงมาแรง ฮิทต่อเนื่องด้วยยอดขายเกินกว่าครึ่งเป็นจำนวนถึง 36,260 คัน ตามมาด้วยรถเก๋ง มาซดา 3 อีกจำนวน 4,775 คัน ในขณะที่รถพิคอัพ บีที-50 พโร ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันด้วยยอดขายกว่า 4,679 คัน ส่วนรถยนต์อเนกประสงค์ตระกูล ซีเอกซ์ อันได้แก่ รถยนต์ครอสส์โอเวอร์ ซีเอกซ์-5, ซีเอกซ์-3 และซีเอกซ์-8 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2562 ก็ยังคงฮิทติดตลาด และมียอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 5,966 คัน และสุดท้ายรถยนต์ เอมเอกซ์-5 รถสปอร์ทเปิดประทุนบแรนด์ไอคอนระดับตำนานของ มาซดา มียอดขายรวมอีก 22 คัน
สถานการณ์ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรกของปี 2563 แม้จะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสหกรรมในภาพรวม โดยเฉพาะจากการระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเป็นวงกว้างอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่งผลต่อภาพรวมด้านเศรษฐกิจในปีนี้เกิดการชะลอตัวลง แต่รถยนต์ มาซดา ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า อันเนื่องมาจากการวางแผนกลยุทธ์การตลาด และการยกระดับมาตรฐานการให้บริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น ล้วนทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ จึงทำให้ มาซดา สามารถปิดยอดขายในไตรมาสแรกสูงถึง 10,152 คัน โดยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยังคงความแรงด้วยยอดขายรวม 7,678 คัน นำโดย มาซดา 2 ด้วยยอดขาย 6,733 คัน และมาซดา 3 จำนวน 945 คัน ตามมาด้วยรถพิคอัพ มาซดา บีที-50 พโร มียอดขายรวม 667 คัน ในส่วนรถอเนกประสงค์มียอดขายรวมที่ 1,805 คัน ซึ่งรถยนต์ ซีเอกซ์-8 ครอสส์โอเวอร์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าแบบครอบครัว ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดขายรวมมาเป็นอันดับหนึ่งในเซกเมนท์นี้ จำนวน 575 คัน ตามมาติดๆ ด้วย ซีเอกซ์-5 จำนวน 467 คัน ที่ร้อนแรงสุด เพิ่งเปิดตัวได้เพียงเดือนเดียว คือ ซีเอกซ์-30 มียอดขายในเดือนแรกสูงถึง 441 คัน ส่วน ซีเอกซ์-3 ครอสส์โอเวอร์น้องเล็กสุด จำนวน 322 คัน และรถสปอร์ทเปิดประทุน เอมเอกซ์-5 จำนวน 2 คัน
ชาญชัย ตระการอุดมสุข กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทิศทางเศรษฐกิจในปีนี้แม้ว่าจะยังมองไม่เห็นทิศทางที่สดใส อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศและทั่วโลก ซึ่งเป็นผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID-19 ทั้งทางด้านอุตสาหกรรม ภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะชะลอตัวลง และต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น มากกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เรายังมีความหวังว่าด้วยแรงสนับสนุนจากมาตรการต่างๆ ของทางภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยบรรเทาปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงิน และจากความร่วมแรงร่วมใจกันจากทุกภาคส่วนเชื่อว่าจะช่วยประคับประคองให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนกลยุทธ์ ปี 2563 นี้ มาซดา จะยังคงเดินหน้าสื่อสารวิสัยทัศน์ Sustainable zoom-zoom 2030 ที่มุ่งมั่นในการแก้ปัญหาเพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม และเพื่อให้ผู้คนและสังคมน่าอยู่ เนื่องในปีนี้เป็นปีที่ มาซดา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน ครบรอบ 100 ปี เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา ทาง มาซดา ยังคงเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรมมากมายตลอดทั้งปี ที่สำคัญ มาซดา จะยังคงมุ่งมั่นในการมองไปถึงอีก 100 ปีข้างหน้า พร้อมสานต่ออุดมการณ์ในการให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก โดยยึดมั่นในแนวคิด “การสร้างสรรค์ระหว่างความเป็นเอกลักษณ์ของพวกเราร่วมกับผู้อื่น” และจะยังคงท้าทายความสามารถ และศักยภาพของตนเองต่อไป เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์อันเป็นความปรารถนาของลูกค้า เพื่อส่งมอบให้แก่ลูกค้าทุกคนจนเกิดเป็นความผูกพันต่อไปในระยะยาว
ด้านกลยุทธ์ทางผลิตภัณฑ์ มาซดา วางแผนงานเพื่อพิ่มศักยภาพการทางการแข่งขัน ด้วยการเตรียมเปิดตัวทั้งรถยนต์โมเดลรุ่นใหม่ๆ และไมเนอร์เชนจ์ตลอดทั้งปีงบประมาณ 2563 โดยเฉพาะการบุกตลาดรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี และตลาดรถพิคอัพ ทั้งจากตระกูล ซีเอกซ์ และจากรถพิคอัพ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเพิ่มความคุ้มค่าให้กับรถยนต์ มาซดา มากยิ่งขึ้น ทั้งยังเพิ่มความครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่ง และรถยนต์อเนกประสงค์ ให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้ามองหามากที่สุด
ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา มาซดา ให้ความสำคัญในเรื่องของการให้บริการหลังการขาย โดยเฉพาะการปรับภาพลักษณ์ของโชว์รูมต่างๆ ที่แล้วเสร็จ 100 % ไปเมื่อปลายปี 2562 ซึ่งลูกค้าได้สัมผัสภาพลักษณ์ที่แปลกใหม่ และโดดเด่นของโชว์รูม มาซดา ในทุกแห่ง สำหรับปีนี้ มาซดา มุ่งเน้นกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ Mazda Digital Platform เป็นหลัก เนื่องจากเราได้เล็งเห็นว่าสื่อออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญกับวิถีชีวิตของมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้เราได้พัฒนาพแลทฟอร์มของเราให้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสามารถรองรับการใช้งานได้ 100 % เราเชื่อว่าการมุ่งเน้นการสื่อสารออนไลน์นี้ จะสามารถช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ และเข้าถึงทุกความต้องการของลูกค้าในแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ เรายังมุ่งเน้นการจำหน่ายรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ SKY booking อีกด้วย ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะทำให้สามารถวางแผนการผลิตได้ดี ช่วยอำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ การให้บริการและคุณภาพหลังการขายถือเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงด้านอะไหล่และการจัดส่ง ที่ มาซดา ได้ปรับราคาให้มีความใกล้เคียงหรือถูกกว่าท้องตลาด และอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้ลูกค้าด้วยการจัดส่งอะไหล่ไปยังศูนย์บริการ 2 รอบ/วัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ 1 รอบ/วัน ในต่างจังหวัด ซึ่งส่วนนี้จะช่วยทำให้ลูกค้ามั่นใจขึ้นว่า เราจะอำนวยความสะดวก และใส่ใจดูแลลูกค้าไปตลอดระยะเวลาที่ได้ครอบครองรถยนต์ มาซดา จนเกิดเป็นความผูกพันระยะยาวกับบแรนด์
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกลยุทธ์ของ มาซดา รถยนต์พรีเมียมสัญชาติญี่ปุ่น ที่จะมาเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2563 และมาซดา พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง เพื่อจะให้รถยนต์ มาซดา ได้เข้าไปครองใจลูกค้าชาวไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/323558