ระเบียงรถใหม่
Mercedes-Benz เปิดตัว E-Class Big Minor change...

 Mercedes-Benz ได้เปิดตัว E-Class ใหม่ ที่ผ่านการปรับโฉมใหม่ ทั้งในรุ่น 4 ประตู ซีดาน (Sedan) และ 5 ประตู เอสเตท (Estate) เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนปรับโฉมจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน แม้จะเป็นแค่เพียงการ Big Minor change ทั้งไฟหน้า กระจังหน้า กันชน ฝากระโปรงหน้าใหม่ ซึ่งทิศทางการออกแบบคล้ายกับรถ Mercedes-Benz ที่เปิดตัวไปก่อนหน้าเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่ด้านหลังมีการออกแบบส่วนท้าย ไฟท้าย รวมถึงกันชนใหม่
Mercedes-Benz E-Class ใหม่ ยังคงมีรุ่นย่อย คือ Avantgarde, Exclusive และ AMG
Mercedes-Benz ได้เปิดตัว E-Class ใหม่ ที่ผ่านการปรับโฉมใหม่ ทั้งในรุ่น 4 ประตู ซีดาน (Sedan) และ 5 ประตู เอสเตท (Estate) เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนปรับโฉมจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน แม้จะเป็นแค่เพียงการ Big Minor change ทั้งไฟหน้า กระจังหน้า กันชน ฝากระโปรงหน้าใหม่ ซึ่งทิศทางการออกแบบคล้ายกับรถ Mercedes-Benz ที่เปิดตัวไปก่อนหน้าเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่ด้านหลังมีการออกแบบส่วนท้าย ไฟท้าย รวมถึงกันชนใหม่
Mercedes-Benz E-Class ใหม่ ยังคงมีรุ่นย่อย คือ Avantgarde, Exclusive และ AMG
 
  Avantgarde ซึ่งเป็นมาตรฐานในรุ่นเริ่มต้นของ E-Class ที่มีสัญลักษณ์รูปดาวขนาดใหญ่ มีจุดดาวสีเงินกระจายล้อมรอบ อยู่ภายในกรอบกระจังหน้าสีดำ ในขณะที่ Exclusive ที่กระจังหน้าจะมีครีบโครเมียมแนวนอนขนาดใหญ่ 3 ชั้น พร้อมตรา Mercedes-Benz แบบดั้งเดิมบนฝากระโปรงหน้ารถ
Avantgarde ซึ่งเป็นมาตรฐานในรุ่นเริ่มต้นของ E-Class ที่มีสัญลักษณ์รูปดาวขนาดใหญ่ มีจุดดาวสีเงินกระจายล้อมรอบ อยู่ภายในกรอบกระจังหน้าสีดำ ในขณะที่ Exclusive ที่กระจังหน้าจะมีครีบโครเมียมแนวนอนขนาดใหญ่ 3 ชั้น พร้อมตรา Mercedes-Benz แบบดั้งเดิมบนฝากระโปรงหน้ารถ
 
  AMG เป็นตัวเลือกที่ดูดุดันที่สุดด้วยกระจังหน้า ที่มีโลโก Mercedes-Benz ขนาดใหญ่ พร้อมครีบเสาแนวตั้ง
นอกเหนือจากรุ่นย่อยทั้ง 3 รุ่น ก็ยังมี Mercedes-Benz E-Class ในแบบยกสูง All-Terrain ซึ่งนำเอาการออกแบบสไตล์ Crossover SUV มีการยกระดับความสูงขึ้นไป และมีการหุ้มสีดำตามขอบล่างของตัวถังรถ กระจังหน้า ซุ้มล้อ และเสริมแผ่นกันกระแทกที่ใต้ท้องของตัวรถ ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยภายในปีนี้
AMG เป็นตัวเลือกที่ดูดุดันที่สุดด้วยกระจังหน้า ที่มีโลโก Mercedes-Benz ขนาดใหญ่ พร้อมครีบเสาแนวตั้ง
นอกเหนือจากรุ่นย่อยทั้ง 3 รุ่น ก็ยังมี Mercedes-Benz E-Class ในแบบยกสูง All-Terrain ซึ่งนำเอาการออกแบบสไตล์ Crossover SUV มีการยกระดับความสูงขึ้นไป และมีการหุ้มสีดำตามขอบล่างของตัวถังรถ กระจังหน้า ซุ้มล้อ และเสริมแผ่นกันกระแทกที่ใต้ท้องของตัวรถ ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยภายในปีนี้
 
  Mercedes-Benz E-Class ในเวอร์ชัน All-Terrain
ส่วนภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับพวงมาลัยดีไซจ์นใหม่ มาตรวัดแบบจอดิจิทอลขนาด 10.25 นิ้ว หรือจอดิจิทอลแบบ Full Digital Widescreen ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบ Infotainment MBUX พร้อมลำโพง Burmester เบาะนั่งหนังแท้ลายใหม่ เสริมความปลอดภัยเมื่อเดินทางไกลด้วยเทคโนโลยีระบบช่วยเหลือการขับขี่เวอร์ชันล่าสุด อาทิ ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ที่สามารถลดความเร็วลงได้อย่างนุ่มนวลมากกว่ารุ่นเดิมเมื่อรถคันหน้าชะลอความเร็ว หรือเมื่อถึงทางร่วมทางแยก
Mercedes-Benz E-Class ในเวอร์ชัน All-Terrain
ส่วนภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับพวงมาลัยดีไซจ์นใหม่ มาตรวัดแบบจอดิจิทอลขนาด 10.25 นิ้ว หรือจอดิจิทอลแบบ Full Digital Widescreen ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบ Infotainment MBUX พร้อมลำโพง Burmester เบาะนั่งหนังแท้ลายใหม่ เสริมความปลอดภัยเมื่อเดินทางไกลด้วยเทคโนโลยีระบบช่วยเหลือการขับขี่เวอร์ชันล่าสุด อาทิ ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ที่สามารถลดความเร็วลงได้อย่างนุ่มนวลมากกว่ารุ่นเดิมเมื่อรถคันหน้าชะลอความเร็ว หรือเมื่อถึงทางร่วมทางแยก
 
  นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบเตือนมุมอับสายตาที่ยังทำงานแม้ดับเครื่องยนต์แล้ว เพื่อตรวจจับจักรยาน หรือมอเตอร์ไซค์ เพื่อไม่ให้เปิดประตูไปโดนขณะจอดรถ ระบบช่วยจอดพร้อมกล้อง 360 องศา รวมถึงระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติที่ถูกปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
Mercedes-Benz E-Class ใหม่ มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อน Plug-in Hybrid ที่มีทั้งเบนซิน และดีเซล รวม 7 รุ่น และเครื่องยนต์ 6 สูบใหม่
นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบเตือนมุมอับสายตาที่ยังทำงานแม้ดับเครื่องยนต์แล้ว เพื่อตรวจจับจักรยาน หรือมอเตอร์ไซค์ เพื่อไม่ให้เปิดประตูไปโดนขณะจอดรถ ระบบช่วยจอดพร้อมกล้อง 360 องศา รวมถึงระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติที่ถูกปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
Mercedes-Benz E-Class ใหม่ มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อน Plug-in Hybrid ที่มีทั้งเบนซิน และดีเซล รวม 7 รุ่น และเครื่องยนต์ 6 สูบใหม่
 โดยเครื่องยนต์เบนซินจะมีกำลังตั้งแต่ 156-367 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซลกำลัง 160-330 แรงม้า นอกจากนี้ ยังมีเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ แบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร ใหม่ รหัส M 254 พร้อม ISG หรือ Integrated Starter-Generator และระบบไฟฟ้า 48 โวลท์ เจเนอเรชัน 2 ซึ่งเพิ่มกำลังขึ้นอีก 20 แรงม้า และแรงบิด 18.4 กก.-ม. หรือ 180 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร ใหม่ รหัส M256 ที่วางเป็นครั้งแรกใน Mercedes-AMG E53 4Matic ทั้งแบบซีดาน และเอสเตท
โดยเครื่องยนต์เบนซินจะมีกำลังตั้งแต่ 156-367 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซลกำลัง 160-330 แรงม้า นอกจากนี้ ยังมีเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ แบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร ใหม่ รหัส M 254 พร้อม ISG หรือ Integrated Starter-Generator และระบบไฟฟ้า 48 โวลท์ เจเนอเรชัน 2 ซึ่งเพิ่มกำลังขึ้นอีก 20 แรงม้า และแรงบิด 18.4 กก.-ม. หรือ 180 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร ใหม่ รหัส M256 ที่วางเป็นครั้งแรกใน Mercedes-AMG E53 4Matic ทั้งแบบซีดาน และเอสเตท
 Mercedes-AMG E53 4Matic ทั้งแบบซีดาน และเอสเตท
Mercedes-AMG E53 4Matic ทั้งแบบซีดาน และเอสเตท
 
  Mercedes-AMG E53 4Matic ภายในสไตล์สปอร์ท มีให้เลือก 2 โทนสี
Mercedes-AMG E53 4Matic ภายในสไตล์สปอร์ท มีให้เลือก 2 โทนสี
 เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร 6 สูบ ให้กำลังสูงุสด 435 แรงม้า ที่ 6,100 รตน. และแรงบิด 53.0 กก.-ม. หรือ 520 นิวตัน-เมตร จาก 1,800-5,800 รตน. พร้อม EQ Boost Starter-Alternator ให้กำลังเพิ่มขึ้นจากเดิม 21 แรงม้า และแรงบิด 25.5 กก.-ม. หรือ 250 นิวตัน-เมตร มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG Speedshift TCT 9G และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4Matic ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.5 วินาที สำหรับรุ่น ซีดาน และ 4.6 วินาที สำหรับรุ่น เอสเตท โดยความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กม./ชม. พร้อมแพคเกจเสริมของ AMG Driver และติดตั้งระบบ AMG Ride Control + ระบบช่วงล่างแบบถุงลม (Air Suspension)
เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร 6 สูบ ให้กำลังสูงุสด 435 แรงม้า ที่ 6,100 รตน. และแรงบิด 53.0 กก.-ม. หรือ 520 นิวตัน-เมตร จาก 1,800-5,800 รตน. พร้อม EQ Boost Starter-Alternator ให้กำลังเพิ่มขึ้นจากเดิม 21 แรงม้า และแรงบิด 25.5 กก.-ม. หรือ 250 นิวตัน-เมตร มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG Speedshift TCT 9G และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4Matic ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.5 วินาที สำหรับรุ่น ซีดาน และ 4.6 วินาที สำหรับรุ่น เอสเตท โดยความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กม./ชม. พร้อมแพคเกจเสริมของ AMG Driver และติดตั้งระบบ AMG Ride Control + ระบบช่วงล่างแบบถุงลม (Air Suspension)                    
บทความแนะนำ


