มิเชอแลง โชว์เทคโนโลยียางรถยนต์ระดับโลก ผ่านการแข่งขัน Asian Le Mans Series

"มิเชอแลง" ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านมอเตอร์สปอร์ทร่วมสนับสนุนการทดสอบความเร็วทางเรียบแห่งเอเชีย Asian Le Mans Series ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 การแข่งขันรถชั้นนำของโลกรายการนี้ เป็นการประชันประสิทธิภาพการขับขี่ทางไกลของแต่ละทีมแบบทรหดอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาถึง 4 ชั่วโมงเต็ม โดยมีการรวมเอารถแข่งประเภทซูเพอร์คาร์ ระดับโลกถึง 3 คลาสส์ มาไว้ในทแรค เริ่มจากรถแข่งในคลาสส์ LMP2 ซึ่งเป็นรถสูตรล้อปิดในแบบเดียวกับรายการ เวิร์ลด์ เอนดูรานศ์ แชมเพียนชิพ รวมถึงรถสูตรล้อปิดในคลาสส์ LMP3 รวมถึงรถแข่งซูเพอร์คาร์ ในคลาสส์ GT อาทิ เฟอร์รารี 488 จีที 3, แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ จีที 3, บีเอมดับเบิลยู เอม 6 จีที 3 และลัมโบร์กินี อูรากัน จีที 3 อีโว มิเชอแลง เป็นผู้สนับสนุนยางอย่างเป็นทางของการแข่งขัน Asian Le Mans Series รายการแข่งขันรถมาราธอนทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ซึ่งทีมที่ชนะทั้ง 3 ประเภท (LMP2, LMP3 และ GT) จะได้เข้าร่วมการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ที่เมือง Le Mans ประเทศฝรั่งเศสในเดือนมิถุนายนปีนี้ เบน หม่า (Ben Ma) ผู้อำนวยการฝ่ายมอเตอร์สปอร์ท ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคของมิเชอแลง กล่าวว่า “มอเตอร์สปอร์ท เป็นหนึ่งใน DNA ของ มิเชอแลง ซึ่งเป็นแรงผลักดันบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องในการพัฒนา และคิดค้นเทคโนโลยีที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ต่างๆ ของผู้บริโภค ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านการแข่งขันในประเภท เอนดูรานศ์ เรศ หรือการแข่งขันรถทางไกล ซึ่งต้องอาศัยความทนทานของรถยนต์ และความอดทนของนักแข่งและทีมงาน อันรวมไปถึงยางรถยนต์นั้น การแข่งขัน Asian Le Mans Series จึงถือว่าเป็นพแลทฟอร์มที่สำคัญมาก สำหรับ มิเชอแลง ในการแสดงประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ โดยเฉพาะการสร้างสรรค์ยางที่มีความทนทานไว้ใจได้ตลอดอายุการใช้งาน” “การแข่งขัน Asian Le Mans Series ในฤดูกาลนี้เป็นครั้งแรกที่ มิเชอแลง นำยาง Semi-Confidential เข้ามาใช้สำหรับการแข่งขันในซีรีส์นี้ สำหรับรุ่น LMP2 Pro ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากยางตัวใหม่นี้ จะมีส่วนผสมที่แตกต่างกัน และถูกผลิตให้เหมาะสมกับสภาพและคุณสมบัติของแต่ละสนาม ทุกขั้นตอน จึงต้องผ่านการทำงานโดยทีมงานมอเตอร์สปอร์ทมืออาชีพ ที่เชื่อถือได้ของ มิเชอแลง มีการทดสอบในระบบจำลองที่ให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจก่อนที่จะนำมาใช้ในสนามแข่งจริง ซึ่งจากการแข่งขันในสนามที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่เซี่ยงไฮ้, ไทเลมเบนด์, เซปัง รวมถึงที่บุรีรัมย์เอง ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันต่างให้การตอบรับยางสูตรใหม่นี้ของ มิเชอแลง เป็นอย่างดี” สำหรับการแข่งขันที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ชนะสนามนี้ คือ รถแข่งหมายเลข 45 จากทีมธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซิง ในคลาสส์สูงสุด (LMP2) เข้ารับธงหมากรุกเป็นคันแรกหลังเวลาผ่านไป 4 ชั่วโมง โดยขับไปทั้งสิ้น 157 รอบสนาม คิดเป็นระยะทาง 714.978 กิโลเมตร เหนืออันดับ 2 อย่างรถแข่งหมายเลข 26 จากทีมจี-ดไรฟ เรซิง บาย อัลการ์ฟ อยู่ 17.721 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของทีมเคทู อูชิโนะ เรซิง ตามหลังแชมพ์ถึง 2 รอบสนามด้วยกัน ส่วนในคลาสส์ LMP3 ชัยชนะเป็นของรถแข่งหมายเลข 12 จากทีมเอซวัน วิลลอร์บา คอร์เซ และชัยชนะของคลาสส์ GT ในสนามนี้เป็นของรถแข่งหมายเลข 27 จากทีมฮับออโต คอร์ซา ถึงแม้ว่าทีมจี-ดไรฟ เรซิง บาย อัลการ์ฟ จะเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 2 ในสนามสุดท้ายนี้ แต่ก็ยังมีผลงานโดยรวมที่ดี ทำให้พวกเขาคว้าแชมพ์ Asian Le Mans Series 2019/2020 หลังสิ้นฤดูกาล โดยคว้าไปทั้งสิ้น 83 คะแนน เฉือนเอาชนะทีมธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซิง รองแชมพ์ในปีนี้ เพียงแต้มเดียวเท่านั้น มิเชอแลง ในฐานะผู้นำด้านยางรถยนต์ระดับโลก ได้ผ่านบทพิสูจน์อันท้าทายจากการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ท ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในการพัฒนายางจากเทคโนโลยีขั้นสูง ให้มีคุณภาพและสมรรถนะที่โดดเด่น ซึ่งผลของความสำเร็จในสนามแข่ง มิเชอแลง จะนำข้อมูลที่ได้รับจากการแข่งขันไปศึกษาเพิ่มเติม เพื่อใช้สำหรับการค้นคว้า และพัฒนายางรถยนต์ให้ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไปที่ใช้ยาง มิเชอแลง มั่นใจได้ว่ายาง มิเชอแลง ทุกรุ่น เป็นยางที่มีสมรรถนะและคุณภาพสูงสุด สำหรับทุกประเภทการใช้งาน