ธุรกิจ
“ธันเดอร์เฮด” ผงาดแชมพ์ เอเชียน เลอ มองส์ 2019/2020 สนามสุดท้าย
ศึก เอเชียน เลอ มองส์ ซีรีส์ (Asian Le Mans Series) ปิดฉากสนามสุดท้ายอย่างดุเดือด ในรายการ “บุรีรัมย์ 4 ชั่วโมง” โดยต้องลุ้นแชมพ์จนนาทีสุดท้าย ผลปรากฏว่า รถแข่งหมายเลข 45 จาก ธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซิง ทีมแข่งจากอังกฤษ สร้างผลงานระดับมาสเตอร์เข้าคลาสส์สูงสุด แอลเอมพี ทู ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ ขณะแชมพ์ประจำปีเป็นของ จี-ดไรฟ เรซิง บาย อัลการ์ฟ หมายเลข 26 ที่เก็บแต้มเหนือรองแชมพ์เพียงคะแนนเดียวเท่านั้น หลังจบเรศสุดโหดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบเอนดูรานศ์ระดับโลก รายการ เอเชียน เลอ มองส์ ซีรีส์ 2019/2020 ดวลความเร็วสนามสุดท้ายในรายการ “บุรีรัมย์ 4 ชั่วโมง” (4 Hours of Buriram) เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ โดยเกมในเรศนี้มีความหมายอย่างยิ่งเพื่อตัดสินแชมพ์ในทุกคลาสส์ ตั้งแต่รุ่นใหญ่อย่าง แอลเอมพี ทู (LMP2), แอลเอมพี ธรี (LMP3) และจีที (GT)
รุ่นใหญ่ แอลเอมพี ทู (LMP2) กริดสตาร์ทในเรศนี้มีรถแข่งหมายเลข 45 จาก ธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซิง เป็นเจ้าของโพล หลังจากที่ เบน บาร์นิโคท นักขับชาวอังกฤษ กดเวลาต่อรอบเร็วที่สุด 1 นาที 22.758 วินาที ทุบสถิติสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท ลงอย่างราบคาบ (สถิติเดิมเป็นของ ไดกิ ซาซากิ นักขับญี่ปุ่นในศึก ซูเพอร์ จีที จีที 500 ปี 2014 เวลาต่อรอบ 1 นาที 25.441 วินาที) ส่วนกริดที่ 2 และ 3 เป็นของรถแข่งหมายเลข 1 และ 36 จาก ยูเรเซีย มอเตอร์สปอร์ท
ออกสตาร์ทเรศในเวลา 11.45 น. ตามเวลาประเทศไทย ด้วยการโรลลิงสตาร์ทกับการรักษาจังหวะอย่างยอดเยี่ยมของเจ้าของโพล ที่ขับโดย แจค แมนเชสเตอร์ นักขับชาวอังกฤษ ที่ทำหน้าที่เป็นนักขับไม้แรกของรถแข่งหมายเลข 45 จาก ธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซิง ตามด้วย ฉวน ตง นักขับจีนจาก เคทู อูชิโนะ เรซิง รถแข่งหมายเลข 96 ในอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 ในช่วงแรกเป็นของ โรแบร์โต เมอร์ฮี นักขับชาวสเปนจาก ยูเรเซีย มอเตอร์สปอร์ท หมายเลข 36 ขณะที่ นาบูยะ ยามานากะ นักขับชาวญี่ปุ่นคนแรกของ ยูเรเซีย หมายเลข 1 เจ้าของกริดที่ 2 มีปัญหาในช่วงออกตัว ส่งผลให้ร่วงลงไปรั้งท้ายในกลุ่ม แอลเอมพี ทู
ผ่าน 45 นาทีแรก ผู้นำอย่างรถแข่งหมายเลข 45 จาก ธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซิง เข้าพิทตามกลยุทธ์ โดยเปลี่ยนให้ แฮร์รี ทิงค์เนลล์ นักขับชาวอังกฤษอีกคนลงมาเป็นไม้ที่ 2 ขณะที่อันดับมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมื่อ จี-ดไรฟ เรซิง บาย อัลการ์ฟ หมายเลข 26 จ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมไล่บี้ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 จากการขับของ เจมส์ เฟรนช์ นักขับอเมริกัน โดยตามหลังอยู่ 11 วินาที ในช่วงชั่วโมงแรกของการแข่งขัน
เกมเข้าสู่ช่วง 2 ชั่วโมง 40 นาทีสุดท้าย รถแข่งหมายเลข 45 จาก ธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซิง ผู้นำ เข้าพิทเพื่อเซอร์วิศรถแข่ง และเปลี่ยนตัวนักขับมาให้ แจค แมนเชสเตอร์ ลงไปทำหน้าที่อีกครั้ง ขณะที่อันดับ 2 อย่าง จี-ดไรฟ เรซิง บาย อัลการ์ฟ หมายเลข 26 ก็ตามเข้าพิทมาในอีกไม่กี่วินาที ก่อนจะเปลี่ยนตัวส่ง เลโอนาร์ด ฮูเกนบูม นักขับชาวดัทช์ลงไปทำหน้าที่ต่อ ด้วยระยะห่าง 12.269 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เปลี่ยนมาเป็นของรถแข่งหมายเลข 34 จาก อินเตอร์ ยูโรโพล เอนดูรานศ์ ซึ่งขับโดย แมธิอัส เบเช ตามผู้นำ 26.890 วินาที
จุดเปลี่ยนของเรศเกิดขึ้นในช่วง 2 ชั่วโมง 30 นาทีสุดท้าย เมื่อเรศไดเรคเตอร์ต้องสั่งโบกธงเหลืองรอบทแรค เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยที่โค้ง 3 ส่งผลให้ระยะห่างจากผู้นำ และอันดับ 2 ร่นลงมาเหลือ 8 วินาที จากนั้นหลังผ่านไปอีก 3 รอบ เลโอนาร์ด ฮูเกนบูม ได้ควบรถแข่งของ จี-ดไรฟ เรซิง บาย อัลการ์ฟ ไล่เข้าไปติดหัวแถวเหลือเพียง 5 วินาทีเท่านั้น ส่งผลให้การลุ้นแชมพ์ดุเดือดอย่างมาก
หลังผ่าน 2 ชั่วโมงแรก เลโอนาร์ด ฮูเกนบูม ตัดสินใจพารถแข่งของ จี-ดไรฟ เรซิง บาย อัลการ์ฟ เข้าพิทเพื่ออันเดอร์คัทผู้นำ และพวกเขาก็ทำสำเร็จด้วยการขยับขึ้นเป็นหัวแถวได้สำเร็จ ส่วนรถแข่งหมายเลข 45 จาก ธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซิง เข้าพิทหลังจากนั้น และเปลี่ยนให้ แฮร์รี ทิงค์เนลล์ ลงมาทำหน้าที่ต่อ แต่ต้องร่วงลงไปถึงอันดับ 3
อย่างไรก็ดี ในช่วงชั่วโมงสุดท้าย รถแข่งหมายเลข 45 จาก ธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซิง ส่ง เบน บาร์นิโคท ผู้ทำเวลาเร็วที่สุดของทีมลงมาไล่บี้ในช่วงท้าย และขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 ตามหลัง โรมัน รูซิโนฟ ผู้นำจาก จี-ดไรฟ เรซิง บาย อัลการ์ฟ เหลือ 19 วินาที พร้อมกับทำเวลาบี้เข้าไปรอบละราว 1 วินาที ส่งผลให้ต้องมาลุ้นแชมพ์สนามนี้กันในช่วงท้ายเรศอย่างสุดมัน
55 นาทีสุดท้าย จุดเปลี่ยนของเรศเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อรถแข่ง แอลเอมพี ทู หมายเลข 36 จาก ยูเรเซีย มอเตอร์สปอร์ท พลาดหลุดโค้ง 3 จนร่วงลงไปในบ่อกรวด ส่งผลให้เรศไดเรคเตอร์สั่งตีธงเหลืองรอบทแรค ทำให้รถแข่งกลุ่มนำกลับมาติดกันอีกครั้ง กลับมาดวลกันอีกครั้งจน เบน บาร์นิโคท ขยับเข้าจี้เหลือเพียง 1 วินาที
ความพยายามของ เบน บาร์นิโคท มาสำเร็จ เมื่อสามารถขยับแซง โรมัน รูซิโนฟ พาทีมรถแข่งหมายเลข 45 จาก ธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซิง ขึ้นเป็นผู้นำได้อีกครั้งในช่วง 30 นาทีสุดท้าย โดยในช่วงท้าย โรมัน รูซิโนฟ เป็นฝ่ายตัดสินใจเข้าพิทเพื่อเติมน้ำมันก่อน จากนั้น เบน บาร์นิโคท ตามเข้าพิทในอีก 2 รอบถัดมา
จบการแข่งขันสุดโหดของ เอเชียน เลอ มองส์ ซีรีส์ รายการ “บุรีรัมย์ 4 ชั่วโมง” ผู้ชนะสนามนี้ตกเป็นของรถแข่งหมายเลข 45 จาก ธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซิง ที่เข้าป้ายเป็นคันแรกหลังผ่าน 4 ชั่วโมงเต็ม โดยขับไปทั้งสิ้น 157 รอบสนาม คิดเป็น 714.978 กิโลเมตร เหนืออันดับ 2 อย่างรถแข่งหมายเลข 26 จาก จี-ดไรฟ เรซิง บาย อัลการ์ฟ อยู่ 17.721 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ เคทู อูชิโนะ เรซิง ตามหลังแชมพ์ 2 รอบสนาม
อย่างไรก็ดี แม้ รถแข่งหมายเลข 26 จาก จี-ดไรฟ เรซิง บาย อัลการ์ฟ จะเข้าป้ายเป็นคันที่ 2 ในสนามสุดท้าย แต่ยังเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาผงาดคว้าแชมพ์ เอเชียน เลอ มองส์ ซีรีส์ 2019/2020 หลังสิ้นฤดูกาล โดยคว้าไปทั้งสิ้น 83 คะแนน เฉือนรถแข่งหมายเลข 45 จาก ธันเดอร์เฮด คาร์ลิน เรซิง รองแชมพ์ในปีนี้เพียงแต้มเดียวเท่านั้น
ด้านผู้ชนะในคลาสส์ แอลเอมพี ธรี ตกเป็นของรถแข่งหมายเลข 12 จาก เอศ 1 วิลโลร์บา โคร์เซ ที่ขับโดย 2 นักขับอิตาเลียนอย่าง เดวิด ฟูมาเนลลี และ อเลสซานดโร บเรสซาน ร่วมงานกับ อันดเรอัส ลาสคาราโตส ทีมเมทชาวกรีก ที่ออกนำม้วนเดียวจบ 4 ชั่วโมงเต็มหลังควบไปทั้งสิ้น 146 รอบสนาม เหนืออันดับ 2 อย่างรถแข่งหมายเลข 2 จาก นีลเซน เรซิง อยู่ 28.458 วินาที ขณะที่อันดับ 3 ตกเป็นของรถแข่งหมายเลข 8 จาก ทีมกราฟฟ์ ตามหลัง 1 รอบสนาม โดยแชมพ์ประจำปีในคลาสส์ แอลเอมพี ธรี ประจำฤดูกาล 2019/2020 ตกเป็นของ นีลเซน เรซิง หมายเลข 2 ที่เก็บไปทั้งสิ้น 75 คะแนน เหนืออันดับ 2 อย่างแชมพ์สนามนี้ รถแข่งหมายเลข 12 จาก เอศ 1 วิลโลร์บา โคร์เซ อยู่ 13 คะแนน
ขณะที่ผู้ชนะในคลาสส์ จีที ของสนามนี้ตกเป็นของ รถแข่งหมายเลข 27 จาก ฮับ ออโต โคร์ซา ที่ขับโดย ทิม สเลด และเลียม ทาลบอท 2 นักขับชาวออสเตรเลียน ร่วมงานกับ มาร์โกส โกเมส นักขับบราซิเลียน นำม้วนเดียวจบด้วยจำนวนรอบทั้งสิ้น 144 รอบสนาม ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างรถแข่งหมายเลข 7 จาก คาร์กาย ถึง 2 รอบสนาม ส่วนอันดับ 3 เป็นของรถแข่งหมายเลข 51 จาก สปิริท ออฟ เรศ ตามหลัง 2 รอบสนาม โดยแชมพ์ประจำปีของคลาสส์ จีที ตกเป็นของ ฮับ ออโต โคร์ซา เก็บไปทั้งสิ้น 71 คะแนน เหนืออันดับ 2 อย่าง คาร์กาย อยู่ 7 คะแนน
สำหรับศึก เอเชียน เลอ มองส์ ซีรีส์ นับเป็นการแข่งขันเอนดูรานศ์ที่มีการขับเคี่ยวสุดโหด ในระดับเดียวกันกับ เวิร์ลด์ เอนดูรานศ์ แชมเพียนชิพ โดยแชมพ์ประจำปีในแต่ละคลาสส์จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันระดับตำนานของโลกอย่าง เลอ มองส์ 24 ชั่วโมงในแต่ละปีด้วย ขณะที่ไทยรองรับการแข่งขันรายการนี้มาแล้ว 6 ปีติดต่อกัน ซึ่งสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ ประเทศไทยนั้น พร้อมเป็นเจ้าภาพเพื่อเอาใจแฟนมอเตอร์สปอร์ทไทยต่อไป
เรื่องโดย : สุดาภรณ์ ไกรแก้ว
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/317078