โรลันด์ โฟลเกร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2562 เมร์เซเดส-เบนซ์ ทั่วโลก ส่งมอบรถยนต์ทั้งหมด 2,339,562 คัน ถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ สำหรับยอดขายใน 1 ปี ขณะเดียวกัน แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจในตลาดโลกจะอยู่ในช่วงชะลอตัว และส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ ทว่า เมร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงเล็งเห็นความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์เอสยูวีระดับลักชัวรี จึงเป็นที่มาถึงการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเพื่อแนะนำรถยนต์ไฟฟ้า และรถเอสยูวีเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าทั้งในตลาดโลก และในตลาดไทย ในปี 2563 นี้ โดย เมร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงเป็นผู้นำอันดับ 1 ในเซกเมนท์ลักชัวรีในหลายประเทศ รวมทั้ง เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม สวิทเซอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ประเทศไทยเวียดนาม สิงคโปร์ แคนาดา และแอฟริกาใต้
“ในประเทศไทย เมร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงรักษาความเป็นบแรนด์รถยนต์ลักชัวรีอันดับ 1 ในประเทศไทย ไว้ได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 โดยในปี 2562 ที่ผ่านมา เมร์เซเดส-เบนซ์ มียอดขายมากกว่า 15,000 คัน ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจากเครือข่ายผู้จำหน่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ 36 แห่งทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็นผู้จำหน่ายในกรุงเทพฯ 19 แห่ง และผู้จัดจำหน่ายในต่างจังหวัดรวม 17 แห่ง”
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยปีนี้ จากความต้องการรถยนต์ของผู้บริโภคทั้งในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และในประเทศไทย พบว่าความต้องการในรถยนต์ไฟฟ้านั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุผลหนึ่งมาจากสภาวะอากาศที่แย่ลง โดยเฉพาะการมีฝุ่น PM2.5 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการคมนาคม ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการในรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากยอดขายรถยนต์ Plug-in Hybrid ของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทำได้มากกว่า 16,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวรถยนต์ Plug-in Hybrid รุ่นแรกในปี 2559 โดย เมร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย เป็นผู้นำตลาดอันดับต้นๆ ของโลกที่มีสัดส่วนการจำหน่ายรถยนต์ Plug-in Hybrid สูงประมาณ 25 % ของยอดจำหน่ายทั้งหมดในประเทศไทย เมร์เซเดส-เบนซ์ จึงเล็งเห็นว่าการรณรงค์ให้ทุกคนหันมาใช้รถยนต์ที่ปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น น่าจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง
ปัจจุบันในประเทศไทยมีรถยนต์ เมร์เซเดส-เบนซ์ EQ Power อยู่มากกว่า 16,000 คัน ที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ หากขับขี่ในโหมดไฟฟ้า เพียงผู้ใช้ชาร์จไฟ และขับขี่ในโหมดนี้ทุกวัน ก็จะช่วยลดปริมาณ PM2.5 ลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน เมร์เซเดส-เบนซ์ ยังพร้อมเปิดตัวรถยนต์ “เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี 300 อี 4 เมทิค เอเอมจี ไดนามิค” จำหน่ายในราคา 3,749,000 บาท และ “เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี 300 อี 4 เมทิค คูเป เอเอมจี ไดนามิค” รถเอสยูวีพลัก-อิน ไฮบริด ขนาดกลาง รุ่นใหม่ จำหน่ายในราคา 4,090,000 บาทอย่างเป็นทางการ
พร้อมกันนี้ ยังเตรียมส่งรถเอสยูวีอีกหลายรุ่น อาทิ “เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลบี” รถคอมแพคท์เอสยูวี ที่ปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์น้อย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100 % คันแรกจาก เมร์เซเดส-เบนซ์ อย่าง “เมร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวซี” ที่จะนำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกที่งานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ เพื่อลุยตลาดไทยภายในปีนี้ นี่คือทิศทางการทำธุรกิจที่เราจะมุ่งหน้าไปอย่างเต็มกำลังในปี 2563 นี้
บทความแนะนำ เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์
บทความแนะนำ คอลัมน์ ธุรกิจ