ธุรกิจ
ควันหลงหลัง จีเอม ถอนทัพ
ที่ผ่านมา กเรท วอลล์ มอเตอร์ส ได้เข้ามาหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการลงทุนสร้างฐานการผลิตยานยนต์ในประเทศไทยมาระยะหนึ่งแล้ว
สำหรับการลงทุนในประเทศไทย กเรท วอลล์ มอเตอร์ส วางแผนผลิตรถเอสยูวี และรถพิคอัพ รวมถึงรถพลัก-อิน ไฮบริด (พีเอชอีวี) และรถยนต์ไฟฟ้า (บีอีวี) ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 100,000 คัน/ปี โดย 50 % เป็นการผลิตเพื่อการส่งออก
"จากการซื้อโรงงานผลิตรถของ จีเอม ครั้งนี้ คาดว่า กเรท วอลล์ มอเตอร์ส จะเริ่มต้นผลิตรถยนต์ในไทยภายในไตรมาส 1 ปี 2565 ขนาดกำลังการผลิต 100,000 คัน/ปี จากปัจจุบัน จีเอม มีกำลังผลิตประมาณ 50,000 คัน/ปี เมื่อ กเรท วอลล์ มอเตอร์ส ลงทุน 100 % จะส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อภาคการผลิต โดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ การส่งออก และการจ้างแรงงานในภาคอุตสาหกรรม"
อย่างไรก็ตาม จากการปรับตัวของผู้ผลิตรถยนต์ของโลกครั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมอยากให้ผู้ประกอบการยานยนต์ในประเทศไทย ทั้งผู้ผลิตยานยนต์ และผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เร่งปรับตัวตามทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีโลกดังกล่าว เพื่อรักษาการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ในอาเซียน และเป้าหมายการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ในระดับโลก
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ เจเนอรัล มอเตอร์ส หรือ จีเอม ประกาศยุติการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยสิ้นปีนี้ว่า นับเป็นเรื่องของแผนการบริหารกิจการของ จีเอม ว่าจะเลิกผลิต หรือเพิ่มการผลิตในจุดใดบ้าง เพราะทาง จีเอม ลงทุนในประเทศจีนด้วยเช่นกัน ยอดขายกว่า 3 ล้านคัน ประสบผลสำเร็จสำหรับการลงทุนในเอเชีย ซึ่งปีที่ผ่านมา ยอดขายลดลงประมาณร้อยละ 9 ยอดขายรถกระบะในประเทศไทยปีที่ผ่านมาก็ลดลงเช่นกัน และ 2 ปีที่ผ่านมายกเลิกการผลิตรถยนต์นั่งในประเทศไทยไปแล้วเช่นกัน ด้านโรงงานผลิตรถยนต์ ทาง จีเอม ขายให้กับ กเรท วอลล์ มอเตอร์ส ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจีน สุรพงษ์ กล่าวว่า การยุติการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยไม่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนอะไร เพราะ จีเอม ไม่มีบทบาทมากนักในไทย แต่ด้านจิตวิทยานั้น มีผล เพราะ จีเอม เป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของโลก มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีมาแล้ว เติบโตในสหรัฐอเมริกา และยอมรับว่าการประกาศยุติการผลิตของ จีเอม มีผลกระทบต่อแรงงาน และผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ป้อนให้กับ จีเอม บ้าง "เรื่องนี้ถือเป็นข้อเตือนใจต่อภาครัฐ ว่าควรสร้างบรรยากาศในประเทศให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านยอดขายในประเทศ และการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงด้านการส่งออก ประเทศไทยมีปัญหาเงินบาทแข็งค่า ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออก ซึ่งการส่งออกมี 2 รูปแบบ คือ การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป และชิ้นส่วนรถยนต์ การที่เงินบาทแข็ง กระทบต้นทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่วนผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นจะถอนตัวออกจากประเทศไทยตาม จีเอม หรือไม่นั้น จะต้องติดตามต่อไปว่า การประกอบธุรกิจอยู่ในไทยแข่งขันได้หรือไม่ โดยต้องคำนึงถึงระยะยาว ส่วนจุดแข็งของไทย คือ การมีซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง"ด้านคู่แข่งทางการค้า ฟอร์ด ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเดียวกันกับ จีเอม ได้ออกมาแสดงความเสียใจ ในการที่ จีเอม จะยุติการผลิต และจําหน่ายรถยนต์ เชฟโรเลต์ ในประเทศไทย เพราะเป็นบแรนด์ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าจํานวนมาก อีกทั้งยังมีส่วนช่วยผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยมาอย่างยาวนาน"
ในฐานะเพื่อนร่วมอุตสาหกรรม เราขอขอบคุณ จีเอม ที่ผลักดันให้เราตื่นตัว และตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้น"
ฟอร์ด เผยด้วยว่า ยังยึดมั่นต่อการดําเนินธุรกิจที่ประสบความสําเร็จในประเทศไทย ด้วยจํานวนพนักงานกว่า 8,300 คน ทั้งพนักงานในสํานักงาน และที่โรงงาน ฟอร์ดไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริง (เอฟทีเอม) ซึ่ง ฟอร์ด เป็นเจ้าของทั้งหมด รวมถึงโรงงานร่วมทุน ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) ซึ่งผลิต และส่งออกรถยนต์กว่า 180 ประเทศทั่วโลก
ส่วนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ.ไม่ได้เพิกเฉย หลังจากได้รับทราบกรณี เจเนอรัล มอเตอร์ส หรือ จีเอม เตรียมจะยุติการจำหน่ายรถยนต์ เชฟโรเลต๋ ในประเทศไทย ภายในสิ้นปี 2563 แล้ว โดยภายในสัปดาห์นี้ จะทำหนังสือเป็นทางการเชิญทางผู้บริหาร เชฟโรเลต์ มาชี้แจงรายละเอียด เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคต้องได้รับผลกระทบจากการยุติการจำหน่าย โดยเฉพาะเรื่องบริการหลังการขายของศูนย์บริการ เชฟโรเลต์
“สคบ. ต้องการทราบว่า บริษัทฯ จะมีมาตรการอะไรมารองรับผู้บริโภคที่เป็นลูกค้า หลังจากยุติการจำหน่าย ทั้งเรื่องการรับประกัน การให้บริการของศูนย์บริการ รวมถึงเรื่องอะไหล่เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบ และจะประกาศให้ผู้บริโภคได้รับทราบข้อมูลต่อไป”
อย่างไรก็ตาม ผู้แทนจำหน่ายได้ออกมายืนยันว่าจะให้บริการหลังการขายต่อไป เพราะมีอะไหล่ และบางรายได้ลงทุนศูนย์ซ่อมสีและตัวถังไว้อย่างครบวงจร ขณะเดียวกัน หลายรายได้ประกาศขายรถ เชฟโรเลต์ ลอทสุดท้ายในราคาลดกระหน่ำสูงสุดถึง 50 % ซึ่งลูกค้าแห่จองรถกันอย่างคับคั่ง