ธุรกิจ
มาซดา ตั้งเป้ายอดขายปี 63 ทะลุ 6 หมื่นคัน
มาซดา เผยปี 62 มาซดา 2 แรงฉุดไม่อยู่ ยอดขายพุ่งเกือบ 6 หมื่นคัน มั่นใจปี 63 ตลาดรถจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เน้นกลยุทธ์การบริหารงานแบบครบวงจรพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ เตรียมเสริมทัพรถใหม่อีกเพียบ ทั้งรถเก๋ง รถอเนกประสงค์ รถครอสส์โอเวอร์ และรถพิคอัพ รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเหนือระดับเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เน้นกลยุทธ์การสร้างสายสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ยกระดับคุณภาพบริการหลังการขายให้ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ หลังการปรับโฉมโชว์รูมและศูนย์บริการเสร็จสมบูรณ์ มั่นใจปีนี้ยอดขายมากกว่า 60,000 คัน และครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 6 %
ชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ในปี 2562 ที่ผ่านมา ถูกจับตามองเป็นอย่างยิ่งโดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่ายอดรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านคัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับปี 2561 ซึ่งมียอดรวมอยู่ที่ 1.04 ล้านคัน แม้จะมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกเข้ามากระทบ แต่ท้ายที่สุดตัวเลขรวมก็ทะลุ 1 ล้านคัน (ประมาณการ) ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของ มาซดา สามารถบรรลุยอดขายรวมได้สูงถึง 58,129 คัน ลดลงประมาณ 17.5 % และครองส่วนแบ่งการตลาด 5.8 % แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 46,704 คัน รถอเนกประสงค์จำนวน 5,736 คัน โดยเฉพาะการเปิดตัว CX-8 Crossover 7 ที่นั่ง ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าแบบครอบครัวจนสร้างกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า รวมทั้งรถพิคอัพจำนวน 5,664 คัน และรถสปอร์ต MX-5 จำนวน 25 คัน
เนื่องจากตลาดรถยนต์ในปีที่ผ่านมามีการแข่งขันที่สูงมาก แม้ว่ามาซดาจะส่งรถยนต์รุ่นใหม่ลงสู้ศึกในตลาดถึง 6 รุ่น แต่ทั้งหมดอยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี แต่กลับทำยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ สาเหตุสำคัญเกิดจากความมั่นใจของลูกค้าที่มีต่อตัวโปรดักซ์ทุกรุ่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมในทุกพื้นที่ การสื่อสารบแรนด์สู่ความเป็นพรีเมียมที่ลูกค้าสัมผัสได้จริง ตลอดจนการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้ยอดขายรวมทะลุถึง 58,129 คัน สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 5.8 %
ภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2562 ขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 2.5 % โดยรวมต้องบอกว่า “ดีขึ้น” แต่ยังต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น ปัจจัยสำคัญเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งแม้ว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ผลสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่ก็ใช้ระยะเวลานานกว่าที่จะจัดการแต่งตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ทำให้โครงการสำคัญๆ ชะลอออกไป ไม่สามารถเดินต่อได้ จึงไม่มีกลไกมาช่วยส่งเสริม
ชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ประมาณ 2.8–3.0 % ค่าเงินและเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ หากค่าเงินบาทเฉลี่ยที่ 30/เหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้จะกระทบสินค้าเกษตร รถยนต์ และท่องเที่ยว การผลิตอาจลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ด้านการท่องเที่ยว ปัญหานักท่องเที่ยวที่ลดลงจะกลับมาคึกคักมากขึ้น เพราะประเทศไทยยังถือเป็นประเทศเป้าหมายของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวหลัก จากจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อาเซียน รวมทั้งจากไทยเที่ยวไทย ประเด็นทางเศรษฐกิจไทย ปี 2563 จำเป็นต้องได้รับแรงหนุนจากภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อาทิ รัฐต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ รวมถึงการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินและการคลัง การลงทุนโครงการของภาครัฐคือแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง อาทิ ท่าอากาศยาน ทางหลวงพิเศษ รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าในเมือง
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คือ สถานการณ์ทางการเมืองของไทยและสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องสงครามการค้าระหว่างประเทศ อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงอาจส่งผลมาถึงเศรษฐกิจไทย ส่วนปัญหาภัยแล้งอาจกระทบภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมในห่วงโซ่ แต่จะส่งผลให้ราคาพืชผลทางการเกษตรทุกชนิดมีแนวโน้มดีขึ้น
ตลาดรถยนต์ไทยในปี 2562 ยอดขายรวมทะลุ 1 ล้านคัน และที่สำคัญ มาซดา 2 ครองแชมพ์เบอร์หนึ่งและตลาดรวมรถยนต์เก๋ง มาซดา ครองอันดับ 3 อย่างถาวร ด้วยคุณภาพและความประณีตในทุกรายละเอียดจนเป็นที่ยอมรับของลูกค้า ส่งผลทำให้ มาซดา 2 เป็นรถยนต์นั่งซิทีคาร์ที่ครองใจลูกค้ามากที่สุด ก้าวขึ้นครองอันดับหนึ่งของ B Car และ Eco Car เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ล่าสุดการปรับโฉมของ มาซดา 2 ใหม่ จะส่งผลให้ มาซดา ยังคงรักษาแชมพ์ในเซกเมนท์นี้ต่อไปแม้ต้องเผชิญกับคู่แข่งรอบด้าน ดังนั้นการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องส่งผลให้รถยนต์ มาซดา ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบของ KODO Design ทำให้ มาซดา มียอดขายสะสมสูงถึง 2.6 แสนคัน ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี เท่านั้น ย้อนกลับไปดูตัวเลขการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี มาซดา ประเทศไทย จึงกลายเป็นตลาดหลักสำคัญของ มาซดา ทั่วโลก โดยเฉพาะช่วง 6 ปี ที่ผ่านมา จะเห็นว่ามาซดา ประเทศไทย ยังคงเป็นตลาดหลักสำคัญของ มาซดา ทั่วโลก
สำหรับปี 2563 มาซดา ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการสื่อสารวิสัยทัศน์ Sustainable zoom-zoom 2030 คือ การแก้ปัญหาที่ต้องเผชิญ เพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม เพื่อผู้คน และสังคมให้น่าอยู่ตลอดไป โดยยังคงเน้นเรื่อง “ความสนุกในการขับขี่” หรือ “Joy of Driving” ซึ่งเป็นพื้นฐานที่เราไม่เคยเปลี่ยน โดยในปีนี้ Mazda Motor Corporation กำลังจะครบ 100 ปี ในวันที่ 30 มกราคม นี้ และทาง มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย)ฯ เตรียมจัดกิจกรรมไปพร้อมกันกับ มาซดา ทั่วโลกตลอดทั้งปี 2020 และแน่นอนว่าเรากำลังเตรียมงานสำคัญเพื่อร่วมเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน
นโยบายเกี่ยวกับผู้จำหน่าย การปรับปรุงโชว์รูมทั้งหมดคาดว่าจะแล้วเสร็จ 100 % ภายในปีงบประมาณ 2562 นี้ กิจกรรมส่งเสริมการขายจะถูกยึดถือเป็นนโยบายหลักเพื่อให้ดีเลอร์ทั่วประเทศดำเนินการ ทุกคนต้องออกไปเจอลูกค้าด้วยตัวเอง เน้นสร้างทีมงานให้แข็งแกร่ง และดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุด
ด้านผลิตภัณฑ์ การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่ม Crossover SUV ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบแรนด์และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น และครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่ง รถอเนกประสงค์ และรถพิคอัพ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า ทั้งกลุ่มคนโสด คู่สมรส และกลุ่มครอบครัว ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา มาซดา ประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะรถยนต์ทุกรุ่นที่นำเข้าสู่ตลาดประสบความสำเร็จอย่างงดงามทุกรุ่น ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรก มาซดา จะไม่มีรถใหม่ลงตลาด และยังเป็นช่วงที่เราต้องบริหารจัดการกระบวนการผลิตและการจำหน่ายรถทุกรุ่น ซึ่งเป็นช่วงที่ยากลำบาก ส่วนครึ่งปีหลังการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ซึ่งยอดขายกำลังหลั่งไหลเข้ามา แต่ไม่สามารถทันในปีปฏิทินของปีนี้ แต่คาดว่าในปีงบประมาณหรือ Fiscal Year ยอดขายจะใกล้เคียงตามที่ตั้งเป้าไว้ การทำการตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เกิดการสื่อสารทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
นอกจากการขายที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้แล้ว สิ่งสำคัญคือการดูแลหลังบ้าน ที่ มาซดา ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการด้านการบริการลูกค้าและการเอาใจใส่ตลอดระยะเวลาที่ลูกค้าครอบครองรถ มาซดา ด้านอะไหล่และการขนส่ง มาซดา ได้ทำการปรับปรุงทั้งคุณภาพและราคาจนสามารถใกล้เคียงกับตลาด หรือบางชิ้นส่วนมีราคาที่ต่ำกว่าตลาด ด้านการจัดส่งอะไหล่ไปยังศูนย์บริการ มีบริการจัดส่ง 2 รอบ/วัน สำหรับเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต่างจังหวัด 1 รอบ/วัน
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/310596