กรมการขนส่งทางบก ยกระดับการกำกับดูแลการใช้รถต่างประเทศเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย อำนวยความสะดวกให้สามารถยื่นขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ Foreign Vehicle Permit System หรือ FVP และมีแอพพลิเคชันสำหรับการให้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อช่วยเหลือการใช้รถของนักท่องเที่ยวให้เป็นไปตามกฎหมาย และมีความปลอดภัย
จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันการนำยานพาหนะจากต่างประเทศเข้ามาใช้ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น กรมการขนส่งทางบกจึงได้กำหนดหลักเกณฑ์ การขออนุญาตใช้รถ เพื่อใช้ตรวจสอบคัดกรองรถ และผู้ขับรถ ก่อนการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย เพื่อความปลอดภัยของทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นำรถเข้ามาใช้ในประเทศไทย และความปลอดภัยของประชาชนคนไทย และเพื่อยกระดับการให้บริการ กรมการขนส่งทางบกจึงได้จัดทำระบบสารสนเทศ Foreign Vehicle Permit System หรือ FVP (URL: https://fvp.dlt.go.th/) เพื่ออำนวยความสะดวกให้สามารถยื่นขออนุญาตแบบออนไลน์ ช่วยลดระยะเวลาในกระบวนการขออนุญาตได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับรถที่จะนำข้ามพรมแดนเข้ามาใช้ท่องเที่ยวในประเทศไทย อนุญาตเฉพาะรถยนต์นั่งไม่เกิน 9 ที่นั่ง (รวมคนขับ) แต่ไม่รวมรถบ้าน, รถยนต์บรรทุกที่มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 3,500 กิโลกรัม และรถจักรยานยนต์
ทั้งนี้ การยื่นขออนุญาตผ่านระบบ FVP ดำเนินการผ่านผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวเท่านั้น โดยจะสามารถขออนุญาตใช้รถได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน รวมแล้วต้องไม่เกิน 60 วัน ในรอบปีปฏิทิน มีค่าธรรมเนียมการขออนุญาตเพื่อการท่องเที่ยวคันละ 500 บาท ค่าคำขอ 5 บาท และค่าเครื่องหมายแสดงการใช้รถแผ่นละ 500 บาท สำหรับรถยนต์นั่ง และรถยนต์บรรทุก และ 200 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์ ซึ่งต้องติดเอาไว้ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน โดยเครื่องหมายแสดงการใช้รถจะมี QR Code เพื่อใช้ในการตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาโมบายล์แอพพลิเคชัน “DLT FVP” เป็นเครื่องมือเพื่อช่วยในการเดินทางในประเทศไทย โดยมีแผนที่สารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อแสดงสถานที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ แหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร และสถานที่ราชการ แผนที่ขอบเขตพื้นที่ที่อนุญาตให้ใช้รถ และหมายเลขโทรศัพท์ที่จำเป็นสำหรับการแจ้งเหตุฉุกเฉินต่างๆ
หลักฐานที่ต้องใช้ประกอบการยื่นขออนุญาตนำรถเข้ามาใช้ในประเทศไทยโดยผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ได้แก่ สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ขออนุญาตใช้รถและผู้ขับรถ, สำเนาใบอนุญาตขับรถตรงตามประเภทของรถที่ยื่นขออนุญาต พร้อมฉบับแปลเป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ, สำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถ พร้อมฉบับแปลเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ, ภาพถ่ายตัวรถที่เห็นลักษณะรถและหมายเลขทะเบียนได้ชัดเจน, หนังสือรับรองการตรวจสภาพรถ ซึ่งมีคำแปลเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ, สำเนาหลักฐานการเอาประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และหลักฐานการเอาประกันภัยซึ่งมีความคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอกไม่ต่ำกว่า 1,000,000 บาท/คน/ครั้ง และมีความคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 1,000,000 บาท/ครั้ง หลักฐานแสดงรายละเอียดการเดินทางในประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดที่ใช้รถ กำหนดการเดินทางและระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทย วันเข้าและออก ด่านศุลกากรหรือด่านพรมแดนที่นำรถเข้าและออก รวมถึงหลักฐานในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือรับรองการจดนิติบุคคล และภาพถ่ายใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว
นักท่องเที่ยวผู้ได้รับอนุญาตให้นำรถเข้ามาใช้ในประเทศไทย จะต้องปฏิบัติตามกฎจราจร และกฎหมายอื่นๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถที่สามารถใช้ได้ในประเทศไทย ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องดูแลรับผิดชอบในการนำผู้ขับรถมาขอรับใบอนุญาตขับรถชั่วคราวในวันแรกที่นำรถเข้ามาใช้เข้ามาในประเทศไทย ณ สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขาหรือสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 อันเป็นที่ตั้งของด่านศุลกากร และด่านพรมแดนที่นำรถเข้า และต้องผ่านการอบรมเกี่ยวกับกฎจราจร และมารยาทในการขับรถในประเทศไทยด้วย หากฝ่าฝืนเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายไทยได้ทันที และจะถูกบันทึกประวัติความผิดไว้ประกอบการพิจารณาหากมีการขอนำรถเข้ามาอีกในครั้งต่อไป ส่วนผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวที่เป็นผู้ยื่นขออนุญาต ต้องมีความรับผิดชอบในการกำชับให้ผู้นำรถเข้ามาใช้ชั่วคราวปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด และปฏิบัติตามกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด
บทความแนะนำ เกี่ยวกับ กรมการขนส่งทางบก
บทความแนะนำ คอลัมน์ ธุรกิจ