ทางเลือกตัวแรงกับรหัส AMG ถูกเปิดตัวในบ้านเราหลากหลายรุ่น ถูกใจบรรดาแฟนๆ ค่ายดาว 3 แฉกที่ต้องการความแรงเหนือระดับ ล่าสุดทาง Mercedes-AMG เปิดตัวแรงอีก 2 ทางเลือก
เริ่มด้วยสปอร์ทตัวแรงเทียบชั้นซูเพอร์คาร์ กับสปอร์ทเปิดประทุน Mercedes-AMG GT C Roadster ปรับโฉมล่าสุด สปอยเลอร์หลังใหญ่ขึ้น รองรับการขับขี่ในสนามแข่ง ล้อหลังถูกปรับให้ใหญ่ขึ้นเช่นกันเพื่อรองรับระบบขับเคลื่อน และระบบรองรับที่ล้ำสมัย กระจังหน้าแบบ AMG-Specific Radiator Trim ครีบบังคับทิศทางของลมชุบโครเมียมจำนวน 15 ซี่ เหมือนกับตัวแข่งรุ่น Mercedes-AMG GT3 ช่องรับอากาศที่กว้างช่วยให้อากาศไหลผ่านเข้าสู่ระบบเทอร์โบได้ดียิ่งขึ้น สามารถเปิด/ปิดได้อัตโนมัติตามความเร็วของรถยนต์ นอกจากนั้นยังมีหลังคาผ้าใบ 3 ชั้นที่มีผิวสัมผัสนุ่ม มีโครงสร้างเป็นโลหะผสมแมกนีเซียม และอลูมิเนียมน้ำหนักเบา สามารถกางเปิด/ปิดได้ในเวลา 11 วินาที และใช้งานได้แม้ขณะรถวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 50 กม./ชม.
ขุมพลังบลอคใหญ่ แบบเบนซิน เทอร์โบคู่ วี 8 สูบ ขนาด 4.0 ลิตร (3,982 ซีซี) กำลังสูงสุด 557 แรงม้า ที่ 5,750-6,750 รตน. แรงบิดสูงสุด 69.3 กก.-ม. ที่ 2,100-5,500 รตน. เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม.-ชม. ใน 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 316 กม./ชม.
เมื่อเป็นรถสปอร์ทตัวธงประจำค่ายอย่าง Mercedes-AMG GT C Roadster จึงถูกเสริมความล้ำสมัยให้กับตัวถังหลายส่วน ได้แก่ ฝากระโปรงหน้าผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุ SMC (Sheet Moulding Compound) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยทีมงานของ Mercedes-Benz และผู้เชี่ยวชาญของ AMG ทำให้ฝากระโปรงมีน้ำหนักเบา แต่ยังคงมีความทนทาน และแข็งแรง ระบบช่วงล่างแบบสปอร์ท AMG Ride Control ของทั้ง 4 ล้อมีทั้งปีกนก แกนบังคับเลี้ยว และโครงฐานคุมล้อ (Hub Carrier) ใช้วัสดุอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็น ทั้ง 4 จะถูกควบคุมโดยกลไกปีกนกแบบ 2 ชั้น เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการหมุนของล้อ และการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
นอกจากนี้ Mercedes-AMG GT C Roadster มีโหมดขับเคลื่อน 5 แบบด้วยกัน นั่นคือ Comfort สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน Sport และ Sport Plus เน้นความเร้าใจในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น และ Individual ช่วยจดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับได้ และยังมีโหมด Race เป็นโหมดเสริมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความแรง และเกียร์ที่เปลี่ยนจังหวะได้รวดเร็วเหมือนอยู่ในสนามแข่ง มาพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดุดันยิ่งขึ้น ระบบเพลาหลังแบบแอคทีฟ (Active Rear Axle Steering) ที่จะหักเลี้ยวล้อคู่หลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อคู่หน้าในกรณีที่ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ช่วยให้เข้าโค้งได้คล่องแคล่วยิ่งขึ้น และประหยัดแรงในการหมุนพวงมาลัย หากความเร็วสูงกว่า 100 กม./ชม. ขึ้นไป ล้อคู่หน้า และหลังจะหมุนไปในทิศทางเดียวกันเพื่อเสริมสมดุลให้กับตัวรถ ทำให้ท้ายรถไม่ปัดเมื่อหักเลี้ยว
ถัดมา คือ สปอร์ทซีดาน สมรรถนะร้อนแรงไม่แพ้สปอร์ทพันธุ์แท้ เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยกระจังหน้าแบบ AMG-Specific Radiator Grille ครีบจัดเรียงอากาศที่สามารถยืด/หดได้ด้วยระบบไฟฟ้า หลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด/ปิดได้ด้วยไฟฟ้า จานเบรคของ AMG ท่อไอเสียคู่ของ AMG และล้อแมกขนาด 20 นิ้วแบบ 5 ก้าน โดดเด่นด้วยระบบไฟหน้าแบบ Multibeam LED ที่มีหลอดไฟ 84 ดวงต่อข้าง
เครื่องยนต์แบบเบนซิน เทอร์โบคู่ วี 8 สูบ ขนาด 4.0 ลิตร (3,982 ซีซี) กำลังสูงสุด 639 แรงม้า ที่ 5,500-6,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 91.8 กก.-ม. ที่ 2,500-4,500 รตน. เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG Speedshift TCT ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา อัตราเร่ง 0-100 กม.-ชม. ใน 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 315 กม./ชม.
Mercedes-AMG GT 63 S 4Matic+ 4-Door Coupe มาพร้อมกับระบบควบคุมการเลี้ยวด้วยล้อหลัง (AMG Rear Axle Steering) เสริมด้วยระบบ AMG Dynamic Plus ช่วยให้พลศาสตร์ยานยนต์ และลักษณะรถยนต์แบบสปอร์ท ยางรองแท่นเครื่องยนต์ และที่ยึดเกียร์แบบไดนามิค ระบบรองรับแบบสปอร์ทที่ปรับให้หนึบแน่นขึ้น สามารถปรับได้ 3 ระดับตามสไตล์การขับขี่ และสภาพถนน ระบบ AMG Dynamic Select ปรับได้ 3 โหมด คือ Sport Sport+ และ Individual ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus) ระบบ Active Braking Assist ที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถยนต์คันอื่น หรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก และระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) พร้อมกับกล้อง 360 องศา
ข้อมูลเพิ่มเติม: Mercedes-AMG
Model | Start Price (THB) |