Volvo Cars และ Zhejiang Geely Holding Group วางแผนงานที่จะรวมสายการผลิตเครื่องยนต์ ให้เป็นหน่วยงานอิสระ แยกออกจากโรงงานประกอบรถยนต์สายการผลิตเครื่องยนต์ใหม่ จะทำการผลิตเครื่องยนต์ไฮบริด เจเนอเรชันใหม่ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน สำหรับรถยนต์ยี่ห้อ Volvo, Lotus, Lynk & Co และ Geely Auto พร้อมรับผลิตให้แก่ค่ายรถอื่นด้วย Hakan Samuelsson ซีอีโอ Volvo กล่าวว่า การแยกสายการผลิตเครื่องยนต์ ออกจากโรงงานประกอบรถยนต์ในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ผลิตจากสวีเดน สามารถผลักดันให้มีรถพลังงานไฟฟ้า ออกจำหน่ายได้ราวครึ่งหนึ่งของยอดการขายทั้งหมด ในราวปี 2568 Hakan Samuelsson ให้สัมภาษณ์ว่า “Volvo ปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ เพื่อให้สามารถเร่งการผลิตรถไฟฟ้า สำหรับอนาคตได้เร็วขึ้น” ซีอีโอ ยังระบุว่า การควบรวมในครั้งนี้ สามารถลดต้นทุนการผลิตของระบบส่งกำลัง ซึ่งน่าจะเป็นค่าใช้จ่ายราว 50 % ของยอดขายในช่วงกลางปี 2563 “ทั้งนี้เพราะรถยนต์ราวครึ่งหนึ่ง จะเป็นรถยนต์ระบบไฮบริด ในปี 2568 ทำให้เราจำเป็นต้องเร่งในการพัฒนาระบบให้เร็วขึ้น” เมื่อถูกถามว่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้สักเท่าใด เขากล่าวว่า “เรายังไม่ได้เจาะจงในรายละเอียด แต่ต้องเป็นจำนวนมากทีเดียว เพราะจะเพิ่มยอดการผลิตเป็น 2 เท่า ซึ่งนั่นก็เป็นการประหยัดต้นทุนไปได้จำนวนมากแล้ว” ในปีที่ผ่านมา Volvo ขายรถไปทั่วโลกมากกว่า 640,000 คัน และมีเป้าหมายจะเพิ่มขึ้นเป็น 800,000 คัน ในปี 2563 ด้วยยอดการจำหน่ายของ Volvo ส่งผลให้ Zhejiang Geely Holding Group ที่มีบริษัทในเครือ ผู้ผลิตรถแทกซีในอังกฤษ LEVC และผู้ผลิตรถ Proton ในมาเลเชีย มียอดขายปีที่แล้วรวมกันทั่วโลก ราว 2 ล้านคัน ด้าน Hakan Samuelsson ระบุว่า “ในอนาคต ยอดการขายจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างมาก” Volvo ยังมองว่า เป็นเรื่องสำคัญในการควบรวม เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับการพัฒนาเครื่องยนต์รุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะฝ่ายวิศวกรในแต่ละบริษัท ที่ถูกบีบด้วยค่าใช้จ่ายในการพัฒนา สำหรับทั้งรถไฟฟ้า และไฮบริด ที่จะสามารถใช้งานร่วมกันได้ สายการผลิตเครื่องยนต์ใหม่นี้ จะรวมเอาพนักงานของ Volvo ราว 3,000 คน และจาก Geely ราว 5,000 คน มาทำงานร่วมกัน เพื่อการค้นคว้าและพัฒนา, การจัดหา, การผลิต, คอมพิวเตอร์ และงานบัญชี โดยจะไม่มีการปลดคนงานเดิม แต่จะทำความตกลงกับสหภาพแรงงาน ให้เข้าใจในระบบการบริหารงานใหม่