ทดลองขับ
MG ZS EV รถไม่ง้อน้ำมัน
หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ มิย. 62 ที่ผ่านมา รถพลังงานไฟฟ้า 100 % คันนี้ก็ได้รับการพูดถึงตลอด เพราะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของรถที่ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิง รูปลักษณ์ภายนอกแบบ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี และมีราคา “น่าฟัง” กว่าบรรดารถไฟฟ้าบแรนด์อื่นๆ ตั้งแต่เปิดตัวมาจนถึงขณะนี้ MG ZS EV มียอดจองทะลุ 1,500 คัน ไปแล้วก่อนอื่นเราขออธิบายประเภทรถพอสังเขป เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันก่อน รถไฟฟ้า “ตามมาตรฐานสากล” จำแนกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ รถไฟฟ้า ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle หรือ HEV) รถไฟฟ้า พลัก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle หรือ PHEV) รถไฟฟ้า แบทเตอรี (Battery Electric Vehicle หรือ BEV) และรถไฟฟ้า เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle หรือ FCEV) โดย MG ZS EV คือ รถไฟฟ้า แบทเตอรี หรือ BEV เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ มีเฉพาะมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นต้นกำลังในการขับเคลื่อน และใช้พลังงานไฟฟ้าแบทเตอรีจากแหล่งเดียวเท่านั้น จึงไม่ปลดปล่อยมลพิษในรูปของไอเสียสู่สภาพแวดล้อมเลย เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง แต่เทคโนโลยีรถยนต์ประเภทนี้ ยังเป็นเทคโนโลยีที่ยังไม่แพร่หลายมากนัก ซึ่งแตกต่างจากรถไฟฟ้าแบทเตอรี ที่ได้รับการพัฒนาจนได้รับความนิยม และใช้กันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ สำหรับในบ้านเรา รถกลุ่มนี้ถือเป็น “รถไฟฟ้าใกล้ตัว” ที่มีให้เห็นเป็นเพื่อนร่วมทางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ส่งเทียบเชิญเราไปร่วมทริพเดินทางด้วย MG ZS EV เส้นทางกรุงเทพฯ-เพชรบุรี เพื่อสัมผัสฟังชันค์การใช้งาน อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัยของตัวรถ และการชาร์จไฟระหว่างเส้นทาง ซึ่งเป็นการจำลองการใช้งานจริง รูปลักษณ์ภายนอกของ MG ZS EV ยังคงโดดเด่นด้วยดีไซจ์นที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายรถแห่งนี้ และใช้สีตัวถังแบบพิเศษ สีฟ้าโคเพนเฮเกน (Copenhagen Blue) กระจังหน้าทันสมัย พร้อมติดตั้งจุดชาร์จไว้บริเวณหลังกระจังหน้า ลงตัวด้วยล้ออัลลอยดีไซจ์นใหม่ ขนาด 17 นิ้ว ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งโทนสีดำ คอนโซลหน้าบุด้วยวัสดุนุ่มนวลให้ความรู้สึกหรูหรามีระดับมากขึ้น พวงมาลัยทรงสปอร์ทหุ้มหนังแบบมัลทิฟังค์ชัน สามารถควบคุมและเชื่อมกับหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และระบบปรับอากาศแบบดิจิทอลที่มาพร้อมระบบกรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็ก (PM2.5) และโดดเด่นด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค ซึ่งใช้พื้นที่ 90 % ของหลังคา ผู้ใช้ MG ZS EV ยังสามารถเชื่อมต่อและสั่งการได้รวดเร็วขึ้น ด้วยระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART รองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย พร้อมฟังค์ชันตรวจสอบสถานะแบทเตอรี และการค้นหาสถานีชาร์จได้บนมือถือ ทางด้านขุมพลังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.9 กก.-ม. แบทเตอรีแบบลิเธียม-ไอออน (Lithium-ion) ความจุ 44.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ผ่านการรับรองและทดสอบตามมาตรฐานสากล โดยเคลมพิสัยทำการไว้ที่ 337 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC หรือมาตรฐานการทดสอบความประหยัดน้ำมันและมลพิษของยุโรป) นอกจากนี้แล้ว MG ZS EV ยังสามารถวิ่งผ่านน้ำที่มีความสูงได้ถึงกว่า 40 ซม. ในขณะที่แบทเตอรียังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ อีกทั้งยังมีระบบการปกป้องแบทเตอรีแบบ 360 องศา และระบบการจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะที่ช่วยให้ระบบการทำงานต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำและสูง และระบบควบคุมแบบอีเลคทรอนิคส์ เช้าวันนั้น หลังจากทำการบรีฟข้อมูลของ MG ZS EV ก่อนออกเดินทางไปตามเส้นทางที่กำหนด ทางบริษัทฯ ได้จัดให้สื่อมวลชนทดลองขับใน MG Driving Experience Center ถนนศรีนครินทร์ เพื่อทำความคุ้นเคยกับตัวรถ และระบบการทำงานต่างๆ จากนั้นจึงออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี โดยใช้เส้นทาง ศรีนครินทร์-บางนาตราด-กาญจนาภิเษก-พระราม 2-วังมะนาว และเส้นทางกว่าครึ่งต้องผ่านสภาพการจราจรหนาแน่น MG ZS EV แสดงถึงความกระฉับกระเฉง คล่องตัว และความเงียบของห้องโดยสาร ในขณะที่เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โหมดการขับขี่มีให้ใช้ 3 แบบ ได้แก่ Eco, Normal และ Sport ซึ่งแตกต่างกันที่การตอบสนองของคันเร่ง และพวงมาลัย หลังจากทำความคุ้นเคยกับจังหวะของคันเร่ง และการทำงานของระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่มีหน้าที่ชาร์จพลังงานกลับแบทเตอรี (Regenerative) ที่สามารถเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ 3 ระดับ โดยทางผู้ผลิตแนะนำให้ใช้ ระดับ 3 เพราะมีส่วนช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ การขับขี่ในสภาพการจราจรเคลื่อนตัวช้า สลับหยุดนิ่ง โหมดขับขี่ Normal ระบบ KERS ระดับ 3 ผู้ขับขี่สามารถควบคุมได้ง่ายจากแป้นคันเร่งเพียงอย่างเดียว ยกเว้นช่วงที่ต้องการชะลอ หรือหยุดกะทันหัน รวมถึงการจอดนิ่งอยู่กับที่ จึงจำเป็นต้องใช้แป้นเบรค (ต่างจากระบบ e-Pedal ของ Nissan Leaf ใช้แป้นเดียวในการเร่ง ชะลอ และหยุดรถ) และไม่ต้องกลัวว่ารถที่ตามหลังจะไม่ทราบว่าเรากำลังชะลอความเร็วจากการยกคันเร่งจนเกิดอุบัติเหตุ เพราะเมื่อมีการชะลอความเร็วด้วยระบบ KERS ไฟเบรคจะสว่างขึ้นอัตโนมัติ หลังจากหลุดจากสภาพการจราจรหนาแน่นก็เข้าสู่ช่วงการเดินทางด้วยความเร็วใช้งานปกติ มอเตอร์ไฟฟ้าตอบสนองการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แรงบิดสูงสุด 35.9 กก.-ม. แบบ Flat Torque ถือว่าเหลือเฟือสำหรับขนาดของตัวรถ ทั้งการใช้งานปกติ หรือในขณะที่ต้องการใช้อัตราเร่ง การทำงานของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC: Adaptive Cruise Control) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW: Lane Departure Warning) ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน (LDP: Lane Departure Prevention) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA: Lane Keep Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA: Lane Change Assist) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD: Blind Spot Detection) ทุกระบบทำงานสอดประสานกัน และช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลัง ทอร์ชันบีม ให้การตอบสนองนุ่มนวลไปหน่อย โดยเฉพาะช่วงความเร็วเกิน 100 กม./ชม. เนื่องจากน้ำหนักของตัวรถที่เพิ่มจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินประมาณ 200 กก. การกระจายน้ำหนักที่แตกต่างจากรุ่นปกติ รวมถึงผู้ขับขี่และผู้โดยสารรวม 4 ที่นั่ง แต่ถ้าเป็นการใช้งานในเมือง หรือใช้งานช่วงความเร็วต่ำ ถือว่าโดดเด่นเรื่องความนุ่มนวล ส่วนเรื่องการหยุดนั้นไว้ใจได้เต็มที่ จากจานเบรค ทั้ง 4 ล้อ โดยด้านหน้ามาพร้อมช่องระบายความร้อน และทำงานร่วมกับระบบ KERS ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลือง ที่หลายท่านสงสัยว่าสามารถใช้งานได้ระยะทางไกลแค่ไหน ท่ามกลางสภาพการจราจรของบ้านเรา ทริพทดลองขับครั้งนี้จาก MG Driving Experience Center มุ่งหน้าสู่ ต. วังมะนาว จ. เพชรบุรี บนเส้นทางที่มีสภาพการจราจรหนาแน่นเป็นส่วนใหญ่ ระยะทางรวม 119.8 กม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม. 23 นาที ความเร็วเฉลี่ย 50 กม./ชม. แบทเตอรียังเหลืออีก 50 % โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ 18.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. หรือประมาณ 5.5 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง ตามหน้าจอแสดงผลของรถ สำหรับจุดหมายของทริพทดลองขับอยู่ที่ ครัวบ้านขวัญ ที่ร่วมกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ติดตั้งสถานีชาร์จ EA Anywhere ในการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้า โดยมีบริการทั้งแบบ Normal Charge และ Quick Charge (ตู้ชาร์จเร็วยังไม่เปิดให้บริการแก่บุคคลทั่วไป) โดย MG ZS EV รองรับการชาร์จไฟได้ทั้ง 2 รูปแบบ ถ้าใช้ Normal Charge จะใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-100 % ใช้เวลา 6.5 ชม. และ Quick Charge ผ่านสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ (Public Charging Station) จะใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-80 % ใช้เวลา 30 นาที หลังจากถึงที่หมายก็มีการสาธิตการใช้งาน Quick Charge ที่เปิดให้ใช้งานเป็นกรณีพิเศษ โดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 15 นาที แบทเตอรีก็กลับมาที่ 80 % อีกครั้ง เพราะยังมีแบทเตอรีเหลืออยู่ประมาณ 40-50 % ทุกคัน การทดลองขับในครั้งนี้ เป็นการสัมผัส MG ZS EV แค่ช่วงสั้นๆ ในสภาพการจราจรหลากหลายเหมือนกับการใช้งานจริงบนท้องถนน ส่วนตัวเลขสมรรถนะแบบ “จัดเต็ม” ด้วยเครื่องมือ Datron ติดตามได้ที่ นิตยสาร "ฟอร์มูลา" ฉบับ ธันวาคม 2562 ขอบคุณ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้ https://www.youtube.com/watch?v=Hk-t4cJTrB4 ข้อมูลจำเพาะ MG ZS EV ผู้แทนจำหน่าย บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2118-6831 มิติ และน้ำหนัก ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,314/1,809/1,624 ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,526/1,539 ฐานล้อ (มม.) 2,585 เครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด (แรงม้า) 150 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม.) 35.9 ระบบถ่ายทอดกำลัง เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 ระบบรองรับ หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท หลัง ทอร์ชันบีม ระบบบังคับเลี้ยว แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า ระบบห้ามล้อ แบบ เอบีเอส หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน หลัง จาน ราคา (บาท) 1,190,000
เรื่องโดย : เอกลักษณ์ สูยะศุนานนท์ akaluk@imc.co.th
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ทดลองขับ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/292667