รถล่าสุด
All New Corolla Altis ก้าวข้ามสู่ขีดสุดที่เหนือกว่าเดิม...
https://youtu.be/K9vkFpw2hGo
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำ Toyota Corolla รุ่นที่ 12
นับตั้งแต่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยฯ เปิดตัว Toyota Corolla รุ่นแรก KE10 ในประเทศไทยเมื่อปี 2509 Toyota Corolla ก็เป็นรถยนต์นั่งยอดนิยมของคนไทยมาโดยตลอด 53 ปี และมียอดขายสะสมถึงปัจจุบันกว่า 800,000 คัน
Toyota Corolla หรือ Toyota Corolla Altis รุ่นที่ 12 มีให้เลือก 6 รุ่น ประกอบด้วย Hybrid 3 รุ่น คือ Hybrid High, Hybrid Mid และ Hybrid Entry เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร รุ่น GR-Sport และเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร รุ่น G และ Limo
ภายนอกได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Shooting Robust” กับเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย โดยมีมิติตัวรถยาว 4,630 มม. กว้าง 1,780 มม. และสูง 1,435 มม. (1,455 มม. ในรุ่น Hybrid) เมื่อเทียบกับรุ่นที่ 11 ที่มีมิติตัวรถยาว 4,620 มม. กว้าง 1,775 มม. และสูง 1,460 มม. จะเห็นว่ายาวและกว้างกว่าเดิมเล็กน้อย ขณะที่มีความสูงโดยรวมลดลง
ไฟหน้า LED Projector เปิด/ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED Daytime Running Lights ไฟท้าย LED Rear Lamps ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) สามารถปลดลอคประตูได้โดยอัตโนมัติ
ภายใน Toyota Corolla Altis ใหม่ ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “Clean & Wide” ตัวรถกว้างขวาง คำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานจริง เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ให้ความเพลิดเพลินและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
ห้องโดยสาร กว้างขวาง ทันสมัย ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการตกแต่ง ให้ความรู้สึกเรียบหรู อีกทั้งยังออกแบบ โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นหลัก เพียบพร้อมด้วยฟังค์ชันการใช้งานของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ (Head Up Display) ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีขนาด 7 นิ้ว (Optitron Meter with Multi Information Display 7”)
หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว (Touchscreen 8” support Apple CarPlay with Navigator) รองรับ Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigator รองรับ T-CONNECT ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning System) ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารสร้างโมเลกุลน้ำล้อมรอบประจุลบเพื่อขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค (Nanoe)
แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
ระบบหน่วงแรงเบรคอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) และระบบเบรคมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)
ช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง (Rear Air Conditioning) ม่านบังแดดที่กระจกหลัง (Rear Sunshade) กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ (Auto Folding Mirror) กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ (EC Mirror)
ด้านสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นเกินใคร จากสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ให้ความสนุกสนานในการขับขี่อย่างเต็มที่ (Fun-to-drive) สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร พร้อมมั่นใจในทุกสถานการณ์การขับขี่ ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก Toyota Safety Sense
และเป็นครั้งแรกของ Toyota Corolla Altis ที่มาพร้อมกับระบบไฮบริดรุ่นล่าสุด ในเจเนอเรชันที่ 4 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในอัตราการเร่งที่ดีขึ้น และสามารถประหยัดน้ำมันได้สูงสุด ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าชาวไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถือเป็นยนตรกรรมที่ก้าวข้ามสู่ขีดสุด ที่เหนือกว่า
เครื่องยนต์ 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รตน. แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. ที่ 3,600 รตน. พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 53 กิโลวัตต์ ระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 กำลังสูงสุดเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า 140 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 18.05 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. และเกียร์อัตโนมัติ E-CVT เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น สำหรับรุ่นไฮบริด
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส 2ZR-FBE ขนาดความจุ 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 18.05 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. สำหรับรุ่น GR Sport และรหัส 1ZR-FBE ขนาดความจุ 1.6 ลิตร 125 แรงม้า ที่ 6,050 รตน. แรงบิดสูงสุด 15.9 กก.-ม. ที่ 5,200 รตน. สำหรับรุ่น 1.6G และ Limo โดยทั้ง 2 เครื่องยนต์รองรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E85 และทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-i แบบ 7 จังหวะ พร้อม Sequential Shift
ระบบความปลอดภัยติดตั้งมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น กล้องมองภาพขณะถอยหลัง (Back Guide Monitor) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-start Assist Control) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) สัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ (Back Sonar) ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ (Tire Pressure Monitoring System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) ระบบควบคุมการทรงตัว (Vehicle Stability Control) ระบบป้องกันล้อลอค (Anti-lock Brake System) ระบบกระจายแรงเบรค (Electronic Brake-force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรค (Brake Assist) ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่งทุกรุ่น และโครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA พร้อมคานนิรภัย
Toyota Corolla Altis ใหม่ มีให้เลือก 7 สี คือ ขาวมุก (White Pearl) น้ำตาล (Phantom Brown) ขาว (Super White II) ดำ (Attitude Black Mica) เงิน (Silver Metallic) แดง (Red Mica Metallic) สีใหม่ 1 สี คือ เทา (Celestite Gray)
ส่วนราคา แบ่งเป็น รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด Hybrid High ราคา 1,099,000 บาท Hybrid Mid ราคา 989,000 บาท และ Hybrid Entry ราคา 939,000 บาท และรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 GR-Sport ราคา 999,000 บาท 1.6G ราคา 869,000 บาท และ Limo ราคา 829,000 บาท
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำ Toyota Corolla รุ่นที่ 12
นับตั้งแต่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยฯ เปิดตัว Toyota Corolla รุ่นแรก KE10 ในประเทศไทยเมื่อปี 2509 Toyota Corolla ก็เป็นรถยนต์นั่งยอดนิยมของคนไทยมาโดยตลอด 53 ปี และมียอดขายสะสมถึงปัจจุบันกว่า 800,000 คัน
Toyota Corolla หรือ Toyota Corolla Altis รุ่นที่ 12 มีให้เลือก 6 รุ่น ประกอบด้วย Hybrid 3 รุ่น คือ Hybrid High, Hybrid Mid และ Hybrid Entry เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร รุ่น GR-Sport และเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร รุ่น G และ Limo
ภายนอกได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Shooting Robust” กับเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย โดยมีมิติตัวรถยาว 4,630 มม. กว้าง 1,780 มม. และสูง 1,435 มม. (1,455 มม. ในรุ่น Hybrid) เมื่อเทียบกับรุ่นที่ 11 ที่มีมิติตัวรถยาว 4,620 มม. กว้าง 1,775 มม. และสูง 1,460 มม. จะเห็นว่ายาวและกว้างกว่าเดิมเล็กน้อย ขณะที่มีความสูงโดยรวมลดลงไฟหน้า LED Projector เปิด/ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED Daytime Running Lights ไฟท้าย LED Rear Lamps ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) สามารถปลดลอคประตูได้โดยอัตโนมัติ
ภายใน Toyota Corolla Altis ใหม่ ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “Clean & Wide” ตัวรถกว้างขวาง คำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานจริง เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ให้ความเพลิดเพลินและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
ห้องโดยสาร กว้างขวาง ทันสมัย ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการตกแต่ง ให้ความรู้สึกเรียบหรู อีกทั้งยังออกแบบ โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นหลัก เพียบพร้อมด้วยฟังค์ชันการใช้งานของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ (Head Up Display) ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีขนาด 7 นิ้ว (Optitron Meter with Multi Information Display 7”)
หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว (Touchscreen 8” support Apple CarPlay with Navigator) รองรับ Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigator รองรับ T-CONNECT ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning System) ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารสร้างโมเลกุลน้ำล้อมรอบประจุลบเพื่อขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค (Nanoe)
แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
ระบบหน่วงแรงเบรคอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) และระบบเบรคมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)
ช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง (Rear Air Conditioning) ม่านบังแดดที่กระจกหลัง (Rear Sunshade) กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ (Auto Folding Mirror) กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ (EC Mirror)
ด้านสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นเกินใคร จากสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ให้ความสนุกสนานในการขับขี่อย่างเต็มที่ (Fun-to-drive) สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร พร้อมมั่นใจในทุกสถานการณ์การขับขี่ ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก Toyota Safety Sense
และเป็นครั้งแรกของ Toyota Corolla Altis ที่มาพร้อมกับระบบไฮบริดรุ่นล่าสุด ในเจเนอเรชันที่ 4 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในอัตราการเร่งที่ดีขึ้น และสามารถประหยัดน้ำมันได้สูงสุด ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าชาวไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถือเป็นยนตรกรรมที่ก้าวข้ามสู่ขีดสุด ที่เหนือกว่า
เครื่องยนต์ 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รตน. แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. ที่ 3,600 รตน. พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 53 กิโลวัตต์ ระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 กำลังสูงสุดเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า 140 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 18.05 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. และเกียร์อัตโนมัติ E-CVT เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น สำหรับรุ่นไฮบริด
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส 2ZR-FBE ขนาดความจุ 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 18.05 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. สำหรับรุ่น GR Sport และรหัส 1ZR-FBE ขนาดความจุ 1.6 ลิตร 125 แรงม้า ที่ 6,050 รตน. แรงบิดสูงสุด 15.9 กก.-ม. ที่ 5,200 รตน. สำหรับรุ่น 1.6G และ Limo โดยทั้ง 2 เครื่องยนต์รองรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E85 และทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-i แบบ 7 จังหวะ พร้อม Sequential Shift
ระบบความปลอดภัยติดตั้งมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น กล้องมองภาพขณะถอยหลัง (Back Guide Monitor) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-start Assist Control) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) สัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ (Back Sonar) ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ (Tire Pressure Monitoring System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) ระบบควบคุมการทรงตัว (Vehicle Stability Control) ระบบป้องกันล้อลอค (Anti-lock Brake System) ระบบกระจายแรงเบรค (Electronic Brake-force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรค (Brake Assist) ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่งทุกรุ่น และโครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA พร้อมคานนิรภัย
Toyota Corolla Altis ใหม่ มีให้เลือก 7 สี คือ ขาวมุก (White Pearl) น้ำตาล (Phantom Brown) ขาว (Super White II) ดำ (Attitude Black Mica) เงิน (Silver Metallic) แดง (Red Mica Metallic) สีใหม่ 1 สี คือ เทา (Celestite Gray)
ส่วนราคา แบ่งเป็น รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด Hybrid High ราคา 1,099,000 บาท Hybrid Mid ราคา 989,000 บาท และ Hybrid Entry ราคา 939,000 บาท และรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 GR-Sport ราคา 999,000 บาท 1.6G ราคา 869,000 บาท และ Limo ราคา 829,000 บาท เรื่องโดย : thanasan saowamol
ภาพโดย : Toyota Corolla Altis
คอลัมน์ Online : รถล่าสุด (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/291019
