ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานี สนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และวิธีหนึ่งที่ ฟอร์ด กำลังทำอยู่ คือ การแปรสภาพขวดพลาสติคเป็นแผ่นปิดใต้ท้องรถของรถยนต์ และรถอเนกประสงค์ทุกคัน รวมถึงขอบล้อของรถกระบะรุ่น เอฟ-ซีรีส์
โทมัส สวีเดอร์ วิศวกรนักออกแบบ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานี กล่าวว่า แผ่นปิดใต้ท้องรถถือเป็นชิ้นส่วนขนาดใหญ่ สำหรับชิ้นส่วนที่มีขนาดนั้น ถ้าเราใช้พลาสติคแข็ง ก็จะมีน้ำหนักมากขึ้นถึง 3 เท่า เรามองหาวัสดุที่ทนทานและมีสมรรถนะสูงที่สุดเพื่อนำมาผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ของเรา สิ่งที่เราทำอยู่นี้ ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2549 ฟอร์ด เป็นผู้ผลิตรถยนต์เจ้าแรกที่นำพลาสติครีไซเคิลมาใช้ผลิตขอบล้อของรถรุ่น ฟิเอสตา สำหรับตลาดยุโรป ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา อากาศพลศาสตร์ หรือแอโรไดนามิคส์ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีความต้องการแผ่นปิดใต้ท้องรถ การใช้พลาสติคในชิ้นส่วนดังกล่าวก็เพิ่มมากขึ้นทั่วโลกอย่างก้าวกระโดด ฟอร์ด ใช้ขวดพลาสติครีไซเคิลกว่า 1,200 ล้านขวด/ปี หรือ 250 ขวด/คันโดยเฉลี่ย ในการผลิตส่วนประกอบรถยนต์
ขั้นตอนการผลิตนั้น เริ่มจากขวดพลาสติคในถังขยะรีไซเคิลที่ถูกเก็บมาหลายพันขวด และย่อยให้เป็นชิ้นเล็กๆ โดยทั่วไป เศษพลาสติคจากขั้นตอนนี้จะนำไปขายให้กับบริษัทที่แปรรูปพลาสติคให้เป็นไฟเบอร์ ด้วยการละลายและกรองออกมา ไฟเบอร์ที่ได้จะนำมาผสมกับไฟเบอร์ชนิดอื่นๆ ในขั้นตอนกระบวนการผลิตเส้นใย และนำมาทำเป็นแผ่นวัสดุ ก่อนจะนำไปผลิตเป็นส่วนประกอบรถยนต์อีกที
ด้วยน้ำหนักที่เบา ทำให้พลาสติครีไซเคิลกลายเป็นวัสดุที่เป็นที่ต้องการสำหรับผลิตแผ่นปิดใต้ท้องรถ และขอบล้อหน้า และหลัง ซึ่งจะช่วยเพิ่มสมรรถนะของตัวรถเชิงอากาศพลศาสตร์ แผ่นปิดใต้ท้องรถนี้ยังช่วยลดเสียงรบกวนให้กับรถ ฟอร์ด เอสเคพ โฉมใหม่ รุ่นปี 2020 อีกด้วย
ในเชิงสิ่งแวดล้อม การใช้พลาสติครีไซเคิลในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ช่วยลดจำนวนพลาสติคที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติ เช่น กองขยะพลาสติคมหึมาในมหาสมุทรแปซิฟิค ที่อาจมีขนาดใหญ่กว่าประเทศเมกซิโก เสียอีก
“ฟอร์ด เป็นหนึ่งในผู้นำในการใช้วัสดุรีไซเคิล นอกจากก่อให้เกิดประโยชน์ในทางเทคนิค และความคุ้มค่า ทั้งยังเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม วัสดุชนิดนี้ยังถือว่าผ่านมาตรฐานอันเข้มงวดของเรา ในเรื่องของทั้งความทนทาน และประสิทธิภาพอีกด้วย”
บทความแนะนำ เกี่ยวกับ ฟอร์ด
บทความแนะนำ คอลัมน์ ธุรกิจ