Daimler ค่ายผู้ผลิตรถยนต์เยอรมัน ประกาศเจตนารมณ์ ในอนาคต 20 ปีข้างหน้า ว่าจะเป็นผู้ผลิตที่ปราศจากมลภาวะใดๆOla Kallenius ประธานบริหารคนใหม่ในอนาคต ที่ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้นคว้าและพัฒนารถยนต์ Mercedes-Benz และกรรมการบริหารคณะกรรมการ Daimler เปิดแถลงข่าวพร้อมเผยเจตนารมณ์ระยะยาวภายใต้ชื่อ Ambition 2039 Ola Kallenius ชี้แจงนโยบายและวิธีการที่จะทำให้บริษัท เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ปราศจากมลภาวะใดๆ และตั้งเป้าที่จะทำให้ปลอดคาร์บอนไดออกไซด์ ในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายสำหรับฝ่ายผลิตรถยนต์ ที่จะไปให้ถึงตามเจตนารมย์ โดยผลิตรถยนต์ที่ปราศจากคาร์บอน ให้ได้ภายใน 20 ปีข้างหน้า “ความหมายของเจตนารมณ์ที่ตั้งเป้าไว้นี้ คือ การทำให้รถยนต์ของเราอย่างน้อยในช่วงอายุของผลิตภัณฑ์ 3 ช่วง ปราศจากคาร์บอน เมื่อพิจารณาถึงการค้นพบรถยนต์โดย Carl Benz และ Gottlieb Daimler เมื่อ 130 ปีก่อน การจะไปให้ถึงเป้าหมายก็ด้วยวิวัฒนาการ ที่จะก้าวไปพร้อมๆ กันทั้งห่วงโซ่การผลิตในอนาคต” Ola Kallenius กล่าว เขากล่าวว่า ในปี 2573 บริษัทจะมีรถยนต์รุ่นที่ใช้ไฟฟ้า มากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดจำหน่าย ซึ่งรวมทั้งการใช้พลังงานจากแบทเตอรี และรุ่นไฮบริด-ไฟฟ้า “ทีมงานค้นคว้าและพัฒนาของเรา กำลังทำงานอย่างหนัก ร่วมกับหุ้นส่วน และบริษัทเพิ่งเกิดใหม่หลายราย เพื่อดึงเอาประสิทธิภาพออกมาใช้ให้มากที่สุด รวมทั้งทำให้มีราคาต่ำสุดเช่นกัน สิ่งเหล่านี้รวมไปถึง การพัฒนาการให้วิธีการในการเดินทางอย่างต่อเนื่อง เผยแพร่การใช้รถไฟฟ้า ให้แพร่หลาย ซึ่งนอกเหนือจากรถยนต์ เราก็ทำให้รถแวน, รถบรรทุก และรถบัส ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เช่นกัน ซึ่งทำให้เกิดการแบ่งปันเทคโนโลยีใหม่ๆ ภายในแต่ละแผนกของเราเอง และปัจจุบัน เราตั้งเป้าไปที่การใช้ชุดแบตเตอรีขับเคลื่อนเพื่อการเดินทาง แต่ยังมีช่องว่างอีกมาก และความจำเป็นที่จะต้องสานต่อไปยังเทคโนโลยีอื่นๆ อย่างเช่น Fuel Cell หรือ E-Fuel” เขากล่าว ขณะที่เทคโนโลยีของ GLC F-Cell กำลังมีการถ่ายทอดไปยังรถบัสที่ใช้ภายในเขตเมือง “ปัจจุบันนี้ ไม่มีใครรู้อย่างแน่ชัดว่า การใช้เทคโนโลยีชนิดใด จะดีที่สุดสำหรับลูกค้าของเรา ที่จะตอบรับความต้องการของผู้บริโภคไปได้อีก 20 ปีข้างหน้า เราจึงต้องตั้งเจตนารมย์ เพื่อเป็นวิธีการในการดำเนินการในอนาคต” Daimler มีโรงงาน 56 แห่งที่ Sindelfingen เป็นต้นแบบ ในการพัฒนาการผลิตที่ปราศจากคาร์บอน โดยโรงงานใช้พลังงานหมุนเวียนในการทำงานของสายการผลิต และจะปราศจากค่าคาร์บอน นับแต่เริ่มกระบวนการ ซึ่งโรงงานแห่งอื่นๆ ในยุโรป จะพัฒนาตามแบบโรงงานแห่งนี้ภายในปี 2565 วิธีการนอกจากนี้ คือ การนำเอาวัตถุดิบกลับมาใช้ใหม่ โดยปัจจุบัน Mercedes-Benz มีวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ราว 85 % นอกจากนั้น Daimler ยังขับเคลื่อนให้บรรดาผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ตลอดสายการผลิต เข้าใจเป้าหมายและหาวิธีการปฏิบัติงานให้ตรงกับวัตถุประสงค์ ในการทำให้การผลิตรถยนต์ ปราศจากคาร์บอน ให้มากที่สุด