“ธนาตย์” คว้าที่ 2 ขึ้นโพเดียม Blancpain GT World Challenge Asia สนาม 2

“ทอป” ธนาตย์ เสถียรถิระกุล ยอดนักขับไทยจาก แอบโซลูท เรซิง ควง ฟิลิป แฮมพเรคท์ ทีมเมทชาวเยอรมัน สร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีศ ควบ โพร์เช เข้าป้ายอันดับ 2 ผงาดโพเดียมมโฮมเรศในศึก “Blancpain GT World Challenge Asia 2019” เรศแรกของสนาม 2 ขณะ “เสี่ยเอ๋” ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ควงคู่หูชาวญี่ปุ่น อากิฮิโร อาซาอิ ฟอร์มกระฉูดคว้าแชมพ์ในคลาสส์ “อเมเจอร์” หลังจบเรศสุดมันที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ การแข่งขันซูเพอร์คาร์ระดับเวิร์ลด์คลาสส์ รายการ "Blancpain GT World Challenge Asia" มีคิวดวลความเร็วสนามที่ 2 ของฤดูกาล ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 11-12 พค. นี้ โดยเรศแรกลงชิงชัย ด้วยเวลารวม 1 ชั่วโมง "Blancpain GT World Challenge Asia 2019" นับเป็นหนึ่งในรายการซูเพอร์คาร์ระดับเวิร์ลด์คลาสส์ ที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในทวีปเอเชีย ภายใต้รถแข่งสุดล้ำกว่า 30 คัน ซึ่งในรายการเดียวกันนี้ในระดับโลกมีรถแข่งกว่า 60-80 คัน จึงถือเป็นการแข่งขันประเภท จีที ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก กริดสตาร์ทในเรศนี้ มีรถแข่ง เมร์เซเดส-เอเอมจี จีที 3 หมายเลข 99 จากทีม คราฟท์ แบมบู ที่ขับโดย ดาร์ริล โอยัง นักขับชาวฮ่องกง และทีมเมทชาวเบลเยียมอย่าง อเลสซีโอ ปิการีเอลโล เป็นเจ้าของโพล เกมในเรศนี้ออกสตาร์ทในรูปแบบโรลลิงสตาร์ท โดยหลังผ่านการออกตัวเป็นรถแข่งหมายเลข 99 ซึ่งขับโดย ดาร์ริล โอยัง นักขับชาวฮ่องกง ที่ขยับขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว ทว่า ธนาตย์ ภายใต้รถแข่ง โพร์เช หมายเลข 911 อาศัยจังหวะที่ยอดเยี่ยม แซงขึ้นมาเป็นหัวแถวหลังผ่านโค้งที่ 3 พร้อมกับเพิ่มระยะห่างจากคู่แข่งออกไปอย่างต่อเนื่องร่วม 10 วินาที อย่างไรก็ดี ธนาตย์ เสถียรถิระกุล และทีมเมทชาวเยอรมันอย่าง ฟิลิป แฮมพเรคท์ ที่นำเป็นจ่าฝูงบนตารางแชมเพียนชิพ จะต้องทำการ สตอพ แอนด์ โก หยุดรถในพิท 15 วินาที ตามกฎการแข่งขัน ส่งผลให้ร่วงลงไปถึงอันดับ 19 เมื่อออกจากพิท ทว่าหลังจากที่ทุกทีมเข้าพิทเรียบร้อย แฮมพเรคท์ ทีมเมทของ ธนาตย์ ก็เริ่มกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่แท้จริงอีกครั้ง ก่อนจะไต่ขึ้นมารั้งอันดับ 2 ตามหลังหัวแถวราว 10 วินาที ในช่วง 15 นาทีสุดท้าย จบการแข่งขัน 1 ชั่วโมงเต็ม แชมพ์ตกเป็นของรถแข่ง เมร์เซเดส-เอเอมจี จีที 3 หมายเลข 97 จากทีม โซลิท อินดิโก เรซิง ที่ขับโดย รูโลฟ บรันส์ นักขับชาวดัทช์ และทีมเมทชาวเยอรมันอย่าง มานูเอล เมตซ์เกร์ ที่เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยจำนวนรอบทั้งสิ้น 37 รอบสนาม โดยนักขับไทยอย่าง “ทอป” ธนาตย์ เสถียรถิระกุล และทีมเมทอย่าง แฮมพเรคท์ สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะโดนบวกเวลา 15 วินาที จากกฎ สตอพ แอนด์ โก แต่ยังสามารถทะยานขึ้นมาจบเรศในอันดับ 2 ตามหลังแชมพ์ 9.039 วินาที ได้ฉลองโพเดียมในบ้านเกิดอย่างยิ่งใหญ่ ขณะที่อันดับ 3 ตกเป็นของรถแข่ง เอาดี อาร์ 8 แอลเอมเอส จีที 3 2019 หมายเลข 13 จาก เอาดี สปอร์ท เอเชีย ทีม แอบโซลูท เรซิง ที่ขับโดย เวรอน ตัน นักขับชาวมาเลเซีย และทีมเมทชาวเอสโตเนียน มาร์ตทิน รัมพ์ โดยเข้าป้ายในอันดับ 3 ตามหลังแชมพ์ 10.091 วินาที ด้านทีมแข่งไทยอื่นๆ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ภูริต ภิรมย์ภักดี จับคู่ กันตศักดิ์ กุศิริ ภายใต้รถแข่ง เอาดี อาร์ 8 แอลเอมเอส จีที 3 2019 หมายเลข 59 จาก สิงห์ พแลน-บี บาย แอบโซลูท เรซิง จบเรศในอันดับ 6 ของคลาสส์ พโรแอม ตามด้วย วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ ที่จับคู่กับ อเลกซานดเร อิมเพอราทอรี ทีมเมทชาวสวิสส์ จาก แพนเธอร์/เอเอเอส มอเตอร์สปอร์ท ตามเข้าป้ายในอันดับ 11 ของคลาสส์เดียวกัน ปิติ ภิรมย์ภักดี และทีมเมทชาวญี่ปุ่น เคอิตะ ซาวะ ภายใต้สังกัด เอบีเอสเอสเอ มอเตอร์สปอร์ท จบเรศในอันดับ 12 ขณะที่ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ยอดนักขับไทยที่จับคู่กับ อากิฮิโร อาซาอิ ทีมเมทชาวญี่ปุ่น ภายใต้สังกัด วัฒนา มอเตอร์สปอร์ท ช่วยกันพารถแข่ง ลัมโบร์กินี อูรากัน จีที 3 เอโว หมายเลข 128 เข้าเส้นชัยในอันดับ 17 ผงาดคว้าแชมพ์ในคลาสส์ “อเมเจอร์” ไปครอง ส่วน ปรีดา ตันเต็มทรัพย์ และมั่นคง เสถียรถิระกุล ที่ลงแข่งขันในคลาสส์ จีที 4 ภายใต้สังกัด เรซิง สปิริท จบการแข่งขันในอันดับ 6