ธุรกิจ
โวลโว จัดกิจกรรม Freedom to Experience
โวลโว เปิดตัว “The Volvo Way: Freedom to Experience” พบขบวนรถยนต์รุ่นล่าสุดจาก โวลโว ที่สร้างยอดขายมาร่วมทดสอบสมรรถนะบนลู่วิ่ง 2 ระดับที่แฟน โวลโว ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน ณ ใจกลางกรุงเทพฯ เปิดรอบสำหรับบุคคลทั่วไปในวันที่ 9-19 พฤษภาคม 2562 ระหว่างเวลา 11.00-22.00 น. ณ ลานมรกต ด้านหน้าห้างเซนทรัลชิดลม
คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ มุ่งเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับลูกค้าของเราเป็นอันดับแรก จวบจนปัจจุบัน เรายังคงให้ความสำคัญกับลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประสบการณ์ที่พวกเขาจะได้รับทุกครั้งที่มาเยือนศูนย์บริการ โวลโว ภายในงาน The Volvo Way ในครั้งนี้ เราจะแสดงให้ทุกท่านเห็นว่า โวลโว ได้เดินทางมาไกลเพียงใดในการก้าวข้ามขีดจำกัดของโลกยานยนต์“วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ และเหล่าพันธมิตรของเรา มุ่งมั่นนำเสนอบริการที่ดีที่สุด พร้อมมอบประสบการณ์แห่งบริการชั้นเลิศที่เหนือความคาดหมายของทุกท่าน ทำให้ในปัจจุบัน ลูกค้า โวลโว มีทางเลือกมากมายในการเข้ารับบริการเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างสมบูรณ์แบบ กิจกรรม The Volvo Way ในวันนี้ เพื่อนำเสนอรถยนต์ของเราสู่ลูกค้าโดยตรง โดยไม่ต้องรอให้ลูกค้าเดินทางมาหาเรา ซึ่งทุกท่านจะไม่เพียงได้สัมผัสกับสมรรถนะรถยนต์ของเราในทุกสภาพถนนเท่านั้น หากจะเข้าใจถึงความมุ่งมั่นของเราในการก้าวสู่ความยั่งยืน การนำเสนอดีไซจ์นร่วมสมัยสไตล์สแกนดิเนเวียน การเชื่อมต่อออนไลน์ภายในห้องโดยสาร และเทคโนโลยีความปลอดภัยชั้นเลิศโดย โวลโว ยังคงมุ่งมั่นพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่เพียบพร้อมด้วยระบบส่งกำลังแบบใหม่ และอุปกรณ์ไฮเทคที่ล้ำสมัยที่สุด ร่วมกับการทำงานกับบรรดาพันธมิตรผู้ค้าปลีก เพื่อนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่เปี่ยมด้วยอิสระเสรี ความปลอดภัย โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และมุ่งสู่แนวทางที่ยั่งยืนแก่ลูกค้าของเรา”
ชอง-เดวิด อาเรล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานขั้นแรก โวลโว ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางจากการนำเสนอแคมเปญทั่วไป สู่ "การบอกเล่าเรื่องราว" เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับกลุ่มลูกค้าชาวไทยให้มากยิ่งขึ้น โดยในปี 2560 เราได้ริเริ่มแคมเปญ S90 Pure Power ซึ่งบอกเล่าสาระสำคัญของเราในด้านเทคโนโลยียานพาหนะแบบพลัก-อิน ไฮบริด (Plug-In Hybrid Electric Vehicle-PHEV) และทิศทางในอนาคตของการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยเราได้สร้างป้ายบิลล์บอร์ดขนาดยักษ์ เพื่อบอกเล่าถึงแนวคิดพลังงานสะอาดอันโดดเด่น และงานดีไซจ์นไฟของเทพเจ้าธอร์ อันเป็นซิกเนเจอร์ของเรา
นอกจากนี้ เรายังติดตั้งสายล่อฟ้าเพื่อแปลงพลังงานจากฟ้าผ่าให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้แสงสว่างได้อย่างน่าตื่นตาและน่าประทับใจ ซึ่งสิ่งนี้ คือ สาระสำคัญของแนวคิดยานพาหนะแบบพลัก-อิน ไฮบริดของเครื่องยนต์รุ่น T8 Twin Engine ของเรา จนกลายเป็นที่สนใจในสังคมโซเชียลมีเดีย และกระตุ้นการประชาสัมพันธ์ของ โวลโว ในการสร้างความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ใช้โซเชียลมีเดียชาวไทยได้เป็นอย่างดี แคมเปญนี้ยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ Gold Award จากงาน Adfest 2018 Thailand ในประเทศไทย และ Ad Stars 2018 ในประเทศเกาหลีใต้
“สำหรับงาน The Volvo Way: Freedom to Experience ครั้งนี้ เราเดินหน้าจากการบอกเล่าเรื่องราว ไปสู่ "การดำเนินเรื่องราว" โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอประสบการณ์ระดับพรีเมียมที่แท้จริงสู่ผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งไม่เพียงแค่เทคโนโลยีชั้นเลิศทั้งหมดในรถยนต์รุ่น เอกซ์ซี 40, เอกซ์ซี 60 และเอกซ์ซี 90 เท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการมอบประสบการณ์ด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และอิสรภาพส่วนบุคคลที่แท้จริง เราต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีและแบ่งปันช่วงเวลาอันน่าประทับใจกับผู้บริโภคชาวไทย เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยมีโอกาสสัมผัสถึงความหรูหราในแบบสวีดิช และดีไซจ์นล้ำสมัยสไตล์สแกนดิเนเวียนให้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนกิจกรรมเพื่อสร้างความยั่งยืนของเรา และแน่นอน ทั้งหมดล้วนต้องตั้งอยู่บนทัศนคติที่ดีด้วยเช่นกัน”
หลักการสำคัญ 3 ประการของ โวลโว (3 Brand Pillars)
1. ความปลอดภัย (Safety)
โวลโว ภาคภูมิใจในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมความปลอดภัย หนึ่งในนวัตกรรมของเรา คือ เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ซึ่ง โวลโว นำเสนอสู่ตลาดยานยนต์เป็นครั้งแรกในปี 1959 และได้มอบความปลอดภัยให้แก่ผู้คนมาแล้วมากกว่า 1 ล้านชีวิตทั่วโลก ทั้งในรถยนต์ โวลโว และรถยนต์บแรนด์อื่นๆ เนื่องจาก โวลโว ได้แบ่งปันสิ่งประดิษฐ์นี้แก่ผู้ผลิตรายอื่นๆ เพื่อร่วมกันยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนเพราะ โวลโว ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นหลัก อันเป็นเสมือนดีเอนเอ และมุ่งนำเสนอเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเสมอเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความสูญเสียของผู้ใช้รถใช้ถนน
หลังการฉลองครบรอบ 60 ปีนวัตกรรมเข็มขัดนิรภัย วันนี้ โวลโว ยังได้ฉลองอีกหนึ่งหลักชัยสำคัญแห่งวัฒนธรรมการแบ่งปันที่อยู่เหนือเรื่องสิทธิบัตรและผลิตภัณฑ์ใดๆ โดยได้เปิดตัวโครงการ Project E.V.A. เพื่อการแบ่งปันองค์ความรู้เพื่อสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เท่าเทียมและทำให้การแบ่งปันเป็นเรื่องพื้นฐานของอุตสาหกรรม โดยการพัฒนาความปลอดภัยของรถยนต์ได้ถูกยกระดับขึ้นเพื่อเน้นปกป้องสรีระของผู้โดยสารหญิงเมื่อเกิดการชนปะทะ ภายใต้แนวคิด “รถยนต์ต้องปกป้องผู้โดยสารทุกคนได้” โดยไม่จำกัดเฉพาะการปกป้องสรีระผู้โดยสารชายเท่านั้น
โวลโว ตั้งเป้าหมายสานต่อสถานะผู้นำในโลกยานยนต์ระดับโลก ทั้งในด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย การใช้พลังงานไฟฟ้า และการขับขี่อัตโนมัติ และเรายังคงท้าทายตนเองอย่างต่อเนื่อง วันนี้เรายังเป็นผู้นำด้านโซลูชันระบบการขับขี่อัตโนมัติและนำเสนอเทคโนโลยีของเราให้เป็นฟังค์ชันมาตรฐานของรถยนต์ นับตั้งแต่รุ่น เอกซ์ซี 40 ไปจนถึง เอกซ์ซี 90 พร้อมเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อผู้บริโภคทุกระดับ
2. ความยั่งยืน (Sustainability)
อนาคตของการขับเคลื่อนด้วยยานยนต์พลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีพลัก-อิน ไฮบริด และไฮบริด จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงแนวทางการเดินทางของเราทุกคน โดยโหมดการขับขี่ Pure Mode จะใช้แหล่งพลังงานเดี่ยวเมื่อแบทเตอรีพลังสูงได้รับการประจุไฟจนเต็ม นักขับสามารถสัมผัสโหมดการขับขี่นี้ได้ในรถยนต์รุ่น เอกซ์ซี 90 ที 8 โดยเฉพาะในสภาพการจราจรของเมืองใหญ่ที่ต้องหยุดรถสลับกับเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา
เอกซ์ซี 90 มอบประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราอย่างสมบูรณ์แบบและเพียบพร้อมด้วยสมรรถนะขั้นสูงสุด กำลังเครื่องยนต์ และประสิทธิภาพการขับขี่ทั้งในด้านการประหยัดเชื้อเพลิงและการปล่อยไอเสีย โดยโหมดการขับขี่ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Comfort และ Off-road ล้วนมีเสน่ห์ในการขับขี่ที่แตกต่างกันที่นักขับทุกคนจะต้องหลงใหล
นอกจากนี้ โวลโว ยังตั้งเป้าหมายให้รถยนต์ 50 % ที่จำหน่ายภายในปี2025 เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่ง โวลโวได้ประกาศความมุ่งมั่นนี้เป็นรายแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ตั้งแต่ปี 2017 ว่ารถยนต์ทุกรุ่นที่จะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นไป จะต้องเป็นรถยนต์แบบพลัก-อิน ไฮบริด หรือรถยนต์ที่ใช้แบทเตอรีพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น
พร้อมกันนี้ โวลโว ยังประกาศว่า นับตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป พลาสติคอย่างน้อย 25 % ที่ใช้ในการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ของ โวลโว จะต้องมาจากพลาสติครีไซเคิล และเพื่อการบรรลุเป้าหมายนี้ บริษัทฯ ได้มุ่งพัฒนาส่วนประกอบรถยนต์รุ่นใหม่ให้สอดคล้องกับแนวคิดความยั่งยืนมากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ โดยเฉพาะการใช้พลาสติครีไซเคิลให้มากขึ้น ซึ่งความมุ่งมั่นนี้เห็นได้จากการที่บริษัทฯ เปิดตัวรถเอสยูวี เอกซ์ซี 60 ที 8 พลัก-อิน ไฮบริด เอสยูวี รุ่นพิเศษที่ดูเหมือนกับรุ่นปกติในปัจจุบันทุกประการ เพียงแต่ส่วนประกอบที่เป็นพลาสติคเดิม ถูกแทนที่ด้วยพลาสติครีไซเคิลที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากัน
ห้องโดยสารภายในของ เอกซ์ซี 60 ติดตั้งแท่นคอนโซลกลางที่ทำจากวัสดุไฟเบอร์และพลาสติคที่นำกลับมาใช้ซ้ำ จากตาข่ายจับปลาและเชือกในเรือประมงที่ไม่ใช้งานแล้ว สำหรับพื้นห้องโดยสาร ปูด้วยพรมที่ใช้เส้นใยจากขวดน้ำพลาสติค และส่วนผสมของฝ้ายรีไซเคิลที่นำมาจากเศษเหลือของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า อีกทั้งเบาะนั่งจากรถยนต์ โวลโว คันเก่า ยังถูกนำมาใช้เพื่อผลิตวัสดุดูดซับเสียงใต้ฝากระโปรงรถ โวลโว ยังพยายามผสมผสานพลาสติคเหลือใช้เข้ากับการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ โดยคาดหวังว่าจะเป็นแบบอย่างให้ผู้ผลิตรายอื่นในตลาดยานยนต์ และนี่คือข้อพิสูจน์ว่าปัญหาพลาสติคสามารถเยียวยาได้ผ่านกระบวนการออกแบบและการคิดค้นนวัตกรรม
3. อิสรภาพส่วนบุคคล (Personal)
ในฐานะบริษัทสัญชาติสวีดิช การตัดสินใจทุกครั้งของเราล้วนส่งผลถึงโลกและชีวิตของผู้คน ดังนั้นเราจึงกำหนดให้ผู้คนมีความสำคัญสูงสุดในการทำงานทุกด้านของเรา ซึ่งทำให้เราคิดและพิจารณาอย่างรอบคอบในการปฏิบัติงานของเราทุกครั้ง โดยเราเรียกสิ่งนี้ว่า “omtanke” (ภาษาสวีเดน แปลว่า ความใส่ใจ) ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำงานของเรา ทุกสิ่งล้วนเริ่มต้นจากผู้คน พันธกิจในการทำให้ผู้คนใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย ปลอดภัย และดียิ่งขึ้น ถือเป็นสิ่งที่เรายึดถือเป็นหลักสำคัญ และนี่คือวิถีทางแห่ง โวลโว
แนวทางการออกแบบและสร้างประสบการณ์ของผู้ขับขี่ตั้งอยู่บนปรัชญาที่ว่า “วัฏจักรแห่งชีวิต” นั่นคือ การพัฒนามาตรฐานและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งอยู่บนองค์ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคและข้อมูลจากชีวิตจริง เรามีแรงบันดาลใจแบบสแกนดิเนเวียน นั่นคือการผสมผสานความเรียบง่าย ความงาม และประโยชน์ใช้สอยเข้าด้วยกัน ดีไซจ์นแบบสแกนดิเนเวียนที่ดีที่สุดจึงมักเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนเพื่อให้ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างเรียบง่าย
รถยนต์รุ่นใหม่จาก โวลโว ทุกรุ่นคือผลิตภัณฑ์ของสวีเดน ประเทศที่มีสังคมเป็นเอกลักษณ์และสไตล์ที่โดดเด่น ซึ่งความเชื่อมั่นอันสงบนิ่งและการให้ความสำคัญกับแสงและวัสดุจากธรรมชาติถูกนำมาผสานกัน เพื่อยกระดับวิถีชีวิตแบบชาวสวีดิชและดีไซจ์นสมัยใหม่สไตล์สแกนดิเนเวียน