ยอดการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศจีน เดือนตุลาคม เพียงเดือนเดียว ลดลงถึง 11.7 % อันจะทำให้ยอดขายรวมของปีนี้ ลดลงมากที่สุด นับแต่ปี 2533 เป็นต้นมาข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ ประเทศจีน (Association of Automobile Manufacturers) เปิดเผยว่ายอดขาย 10 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนที่ลดลง แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจที่เจริญเติบโต จะมีทีท่าที่ผ่อนคลาย ประกอบกับสงครามการค้าที่เกิดขึ้น ระหว่างสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน รอบ 10 เดือน ประเทศจีน ขายรถได้เพียง 22.87 ล้านคัน ลดลง 0.1 % จากปีก่อน ส่วนเดือนตุลาคม เดือนเดียว ขาย 2.38 ล้านคัน ลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน “การจะทำให้ยอดขายเติบโตในปีนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย น่าจะเป็นการเติบโตที่ติดลบมากกว่า” Yao Jie เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมฯ กล่าว “สภาพของตลาดน่าจะเลวร้ายไปจนถึงปลายปี เพราะมีฐานของยอดขายที่สูงจากปีก่อน” นักวิเคราะห์ทางอุตสาหกรรมรถยนต์กล่าวว่า ความต้องการของผู้บริโภคลดลง รวมทั้งผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่เติบโตได้ช้าลง รวมทั้งผลกระทบจากสงครามการค้า ทำให้ยอดขายลดลง ผู้จำหน่ายรถยนต์ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลปักกิ่ง เพื่อช่วยให้การขายดีขึ้น รวมทั้งข้อเสนอให้มีการลดภาษีซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะรถขนาดเล็ก ให้ลดลงครึ่งหนึ่ง สำนักข่าวรอยเตอร์ สำรวจตลาดผู้จำหน่ายแล้ว พบว่า ผู้จำหน่ายบางรายให้ส่วนลดจำนวนมากแก่ผู้บริโภค เพื่อช่วยให้ยอดการขายทรงตัว สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ ประเมินว่า ในปีนี้ ยอดการขายจะเพิ่มขึ้น 3 % เช่นเดียวกับการเติบโตของปีที่แล้ว ส่วนการขายของรถพลังงานชนิดใหม่ ซึ่งรวมทั้งรถไฟฟ้า และพลัก-อิน ไฮบริด ในเดือนตุลาคม ยังคงเติบโตขึ้นถึง 51 % แม้ว่าจะโตขึ้นลดลงจากเดือนที่แล้วก็ตาม ทำให้ยอดการขายรวม 10 เดือน เติบโต 75.6 % ขายได้ 860,000 คัน