ประเทศเดนมาร์ค ประกาศเป็นประเทศล่าสุด ที่เตรียมจะยกเลิกการจำหน่ายรถใช้เครื่องยนต์ ทั้งเบนซิน และ ดีเซล โดย Lars Løkke Rasmussen นายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุมรัฐสภาว่า “ในอีก 12 ปีข้างหน้า เราจะยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล และเบนซิน รุ่นใหม่ และในอีก 17 ปีข้างหน้า รถยนต์ทุกคันในประเทศเดนมาร์ค จะต้องเป็นรถไฟฟ้า หรือเป็นรถยนต์ที่ปราศจากมลภาวะ”ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ได้ประกาศในการประชุมคณะรัฐมนตรี ในเรื่องสภาพอากาศ ถึงการยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แล้ว แต่ไม่ได้กำหนดระยะเวลา นายกรัฐมนตรี Rasmussen กล่าวว่า ณ ปี 2573 น่าจะมีรถไฟฟ้า และไฮบริด อยู่มากกว่า 1 ล้านคัน ซึ่งน่าจะประมาณครึ่งหนึ่งของรถยนต์ที่มีอยู่ทั้งหมดในประเทศเดนมาร์ค มาตรการใหม่นี้ จะช่วยให้สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ในเดนมาร์ค ซึ่งปัจจุบัน รถไฟฟ้า มียอดจำหน่ายลดลง หลังจากคณะรัฐมนตรี ยกเลิกการให้เงินสนับสนุน หรือสนับสนุนเงินภาษี เมื่อปี 2558 โดยยอดจำหน่ายในปี 2558 จำหน่ายได้ 4,762 คัน และในปี 2560 ลดลงเหลือเพียง 913 คันเท่านั้น ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว 2560 ยอดจำหน่ายรถไฟฟ้า มีเพียง 0.4 % ของตลาดโดยรวม เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างสวีเดน ซึ่งมี 5.3 % และนอร์เวย์ มี 39 % รัฐบาล เตรียมที่จะใช้มาตรการเพื่อปกป้องสภาพอากาศ ที่จะเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายรถไฟฟ้า ซึ่งจะรวมไปถึงการสนับสนุนด้านภาษี แม้ว่า เดนมาร์ค จะไม่มีอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศ และในอดีตภาษีสั่งรถนำเข้าก็สูงมากถึง 180 % โดยมาตรการใหม่นี้ จะให้รายละเอียดถึงการลดมลภาวะ ด้วยการใช้ไฟฟ้าในกิจกรรมต่างๆ ซึ่งคาดหวังว่าภายในปี 2593 จะทำให้ในประเทศไม่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 100 %