Geely Automobile Holdings Limited ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 3 ของค่ายรถยนต์ประเทศจีน ซึ่งมี Volkswagen Group และ General Motors เป็นอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ หลังได้รับความนิยมจากกลุ่มคนหนุ่มสาวชาวจีนในรอบ 6 เดือนแรกของปี รายได้ของ Geely เพิ่มขึ้นถึง 54 % พร้อมรายงานตลาดหุ้นว่า เป้าการขายในปีนี้ น่าจะเพิ่มจาก 1.58 ล้านคัน ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดยสามารถขายได้มากกว่า Nissan, Honda และ Toyota ในช่วงเวลาเดียวกัน ภายใต้การควบคุมของ Li Shufu มหาเศรษฐีชาวจีน ส่งผลให้ Geely เป็นผู้ผลิตจีน ที่ก้าวล้ำอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยการค้นหาเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ เทคโนโลยีรถไฟฟ้า และการขนส่งผู้คนในอนาคต ด้วยระบบอัตโนมัติ และสามารถเป็นผู้นำได้ในตลาดสำคัญๆ รวมทั้งขยายไปยังผู้ผลิตรายใหม่ๆ อาทิ Lynk & Co และถือหุ้นอยู่ใน Volvo ด้วย “ในมุมมองของแนวทางการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ กลุ่มควรจะมีตำแหน่งทางการตลาดที่ดี เพื่อรักษาตำแหน่งทางการตลาดไว้ในอนาคต สำหรับกลุ่มรถยนต์นั่ง” Geely ระบุไว้ในรายงาน ราคาหุ้นของ Geely ในตลาดหุ้นฮ่องกง ครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 6.4 % จาก 5 % ในปี 2560 ขณะที่ยอดขายทำได้ 766,630 คัน เฉือน Nissan ซึ่งทำได้ 720,447 คัน หลังจาก Geely ซื้อหุ้นของ Volvo จาก Ford ในปี 2553 ก็เข้าซื้อหุ้นของ Lotus รถสปอร์ทจากอังกฤษ และ Proton ของมาเลเชีย และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ก็ซื้อหุ้น 9.7 % ของ Daimler กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนจะประสบปัญหาสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา ซึ่งน่าจะทำให้อุตสาหกรรมมีปัญหาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่ Geely ก็พยายามที่จะรักษายอดการขายเอาไว้ให้ได้ โดยเพียง 7 เดือนแรกของปีนี้ สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 43 % ขณะที่ตลาดรวมทั้งหมด เติบโต 2 %