Mazda ประเทศญี่ปุ่น กำลังถูกกดดันในการตัดสินใจเข้าไปเริ่มการผลิตอีกครั้งในสหรัฐอเมริกา โดยร่วมมือกับ Toyota ก่อสร้างสายการผลิตในอลาบามา เตรียมขึ้นสายการผลิตในปี 2564รายงานข่าวจากกรุงโตเกียว แจ้งว่า นับเป็นครั้งแรกของ Mazda หลังจากตัดความสัมพันธ์กับ Ford หยุดการผลิต Mazda6 ซีดานขนาดกลาง หรือในชื่อ Atenza ในญี่ปุ่น นับตั้งแต่ปี 2555 ผู้บริหาร Mazda ต่างพากันตระหนักดีว่า รถยนต์ที่ประกอบจากโรงงานอลาบามา อาจเกินความสามารถในการขายรถยนต์ของตนเอง เพราะตั้งเป้าที่จะจำหน่ายเพิ่มขึ้นถึงปีละ 50,000 คัน ซึ่งหากเป็นไปตามแผนงาน “โรงงาน Mazda ทุกแห่ง จะใช้งานกำลังการผลิตได้เต็ม 100 % ภายในปี 2564” Akira Marumoto กรรมการบริหาร กล่าว แต่ก็ยังเป็นปัญหาว่ารถยนต์ Mazda จะสามารถผลิตออกมาได้ถูกใจผู้บริโภคชาวอเมริกัน หรือไม่ ในปี 2560 Mazda ขายรถได้ 280,000 คัน ลดลง 3 % ขณะที่ตลาดรวม ยอดขายทั้งตลาดลดลงเพียง 2 % Mazda ก็เช้าใจปัญหาด้านการขายในสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างดี โดยปัจจุบัน ได้พยายามยกระดับรถยนต์ให้ขึ้นไปอยู่ในระดับรถยนต์คุณภาพ แทนที่จะต้องการแต่ปริมาณการขาย โดยการตัดส่วนลดการขายต่างๆ และพยายามที่จะไม่ให้ส่วนลดใดๆ Mazda เริ่มการปรับปรุงโครงสร้างการขายในสหรัฐอเมริกา มาตั้งแต่ปี 2559 เพื่อสนับสนุนแนวทางการยกระดับดังกล่าว โดยแนะนำมาตรฐานใหม่และปรับปรุงการทำงาน เพื่อความพึงพอใจของลูกค้า ให้มากที่สุด การปรับปรุงดังกล่าว ให้ผลดีพอควร โดยสามารถปรับปรุงอัตราการซื้อซ้ำจากที่เคยมีเพียง 40 % เพิ่มขึ้นมาเหนือระดับ 50 % ในด้านความต้องการของผู้บริโภคอเมริกัน ก็เปลี่ยนแปลงไป โดยรถกระบะและเอสยูวี ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ขณะที่โรงงานแห่งใหม่ จะขึ้นสายการผลิตรถยนต์นั่ง ทั้งขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ผู้บริหาร Mazda กำลังอยู่ในสภาพที่ต้องพัฒนาการขาย และเพิ่มจำนวนผู้จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาให้มากที่สุด เพื่อยอดการจำหน่ายและผลกำไรที่จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน