โกคาร์ท 2 ที่นั่ง หนึ่งเดียวในไทย !

"autoinfo.co.th" ขอพาแฟนๆ ที่ชื่นชอบกีฬาความเร็ว ไปสัมผัสรถโกคาร์ทสไตล์ใหม่ ที่สามารถนั่งแข่งขันพร้อมกันได้ถึง 2 คน ณ สนาม Impact Speed Park เมืองทองธานี พร้อมแนะนำกลเม็ดเด็ดพรายในการขับรถแข่งคันจิ๋ว ให้ได้เวลาดีที่สุด รวมถึงร้านอาหาร ขวัญใจนักซิ่ง

คอโกคาร์ทเฮ ใหม่ แรง แถมนั่งได้ 2 คน สำหรับคอโกคาร์ทคงรู้กันดีว่าที่สนาม Impact Speed Park เมืองทองธานี จะมีเฉพาะรถโกคาร์ทแบบไฟฟ้าเท่านั้น ที่ให้เราได้แข่งขันกัน ล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้สั่งรถโกคาร์ทมาตรฐานระดับโลกจากฝรั่งเศส รุ่น 2 Drive แบบ 2 ที่นั่ง มาประจำการเป็นแห่งแรกในไทย โดยเป็นรถเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 95 ที่ทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 100 กม./ชม. ที่สำคัญสามารถเลือกได้ว่า จะให้คนขับบังคับพวงมาลัยเพียงคนเดียว หรือให้คนนั่งมีส่วนร่วมในการบังคับด้วย และอีกหนึ่งเหตุผลของรถรุ่นนี้ คือ เพื่อต้องการให้เด็กๆ ได้ฝึกหัด นั่งคู่กับทเรเนอร์ หรือผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด แต่มีเงื่อนไขนิดหนึ่งว่า เด็กต้องมีอายุมากกว่า 3 ปี และสูงตั้งแต่ 120 ซม. ขึ้นไป นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับคู่รักหรือกลุ่มเพื่อน ที่รักในกีฬาความเร็ว มาทำกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกันได้อย่างลงตัว ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก รู้สถิติได้ทันที ขั้นตอนในการขับโกคาร์ท 2 ที่นั่ง ก่อนอื่นต้องสมัครสมาชิก กรอกข้อมูลส่วนตัว อี-เมล และถ่ายภาพลงในระบบคอมพิวเตอร์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะออกบัตรสมาชิกให้ ใช้งานได้ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงทะเบียน ผู้ขับต้องมีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป โดยคิดค่าบริการ 650 บาท/คัน/8 นาที เด็กอายุ 3-7 ปี ถ้ามีความสูงมากกว่า 120 ซม. สามารถนั่งด้านข้างได้ โดยไม่เสียค่าบริการ เด็กอายุ 7 ปีขึ้นไป สามารถบังคับพวงมาลัยร่วมกับผู้ขับได้ เมื่อลงทะเบียน และชำระค่าบริการเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะเรียกเข้าไปทำความเข้าใจกฎกติกา และความปลอดภัยในการแข่งขัน จากนั้นพาผู้ขับออกไปยังจุดปล่อยรถ โดยต้องสวมผ้าคลุมผม เพื่อรักษาความสะอาด ปกปิดผมให้เรียบร้อย แล้วสวมหมวกกันนอคทับอีกชั้น สามารถเลือกไซซ์ได้ตามใจชอบ จากนั้นให้ดูหมายเลขรถที่เราต้องขับจากหน้าจอ แล้วนั่งรถตามหมายเลขนั้น รัดเข็มขัด ปรับระยะพวงมาลัย รวมไปถึงแป้นคันเร่งและเบรคให้เรียบร้อย รอให้เจ้าหน้าที่กดปุ่มอนุญาตปล่อยรถ เมื่อเจ้าหน้าที่กดปุ่มปล่อยรถ ให้ค่อยๆ เหยียบคันเร่ง ขับตามกันไปยังสนาม เมื่อถึงเขตปล่อยรถจะมีไฟสัญญาณไฟ เมื่อเห็นไฟเขียว ผู้ขับสามารถเร่งความเร็วตามที่ต้องการได้เลย ในรอบสุดท้ายที่การแข่งขันใกล้สิ้นสุดลง จะมีไฟสัญญาณสีแดงเตือน เพื่อให้ผู้ขับชะลอความเร็วเตรียมเข้าพิท (เจ้าหน้าที่สนามจะกดรีโมทควบคุมให้รถช้าลงด้วย) และสามารถดูผลการแข่งขันได้ทันทีจากหน้าจอแสดงผล โดยจะบอกลำดับและเวลาต่อรอบที่ดีที่สุดของแต่ละคน รวมทั้งบอกอันดับประจำสัปดาห์ และอันดับในรอบเดือนการแข่งขัน และยังส่งผลการแข่งขันเข้าไปยังอี-เมลที่ลงทะเบียนไว้ เอาไว้อวดเพื่อนได้ด้วย ขับมัน แต่อย่าลืมคู่หูด้วยล่ะ ! ทีมงานของเรา ได้ทดลองขับโกคาร์ทรุ่น 2 ที่นั่ง สรุปได้ว่า ถ้าคนไหน ยังไม่เคยขับโกคาร์ทมาก่อน ในช่วงแรกคงต้องปรับตัวกันหน่อย เมื่อขับในความเร็วต่ำจะเลี้ยวค่อนข้างยาก ต้องใช้กำลังแขนในการบังคับเลี้ยวมากขึ้น แต่เมื่อใช้ความเร็วสูง ระบบบังคับเลี้ยวจะเบาขึ้น แต่จะมีแรงต้านจากพิ้นถนนที่ไม่เรียบ ทำให้บังคับได้ยากขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นรถ 2 ที่นั่ง ระยะฐานล้อกว้างขึ้น มีน้ำหนักมากกว่าแบบที่นั่งเดียวเป็น 2 เท่า หากขับหลายๆ รอบ อาจเมื่อยล้าได้ ด้านพละกำลังของเครื่องยนต์ ให้อัตราเร่งเร้าใจกว่ารถโกคาร์ทแบบไฟฟ้าพอสมควร แถมมีเสียงท่อไอเสียจากเครื่องยนต์ และกลิ่นของยางบดอัดกับถนน สร้างอรรถรสการขับได้อย่างดี แต่ทั้งนี้อย่ามันจนลืมคู่หูที่นั่งข้างเราด้วย เพราะแรงเหวี่ยง และแรงจัมพ์ของตัวรถกับพื้นถนน อาจทำให้เวียนหัว และรู้สึกเมารถได้ หากไม่ไหวที่จะนั่งต่อ แนะนำให้ทำสัญญาณมือบอกผู้ขับ เพราะขณะวิ่งในสนาม ผู้ขับจะไม่ได้ยินเสียงพูดของคนที่นั่งด้านข้างเลย แม้แต่นิดเดียว ความปลอดภัยต้องมาก่อน โดยปกติแล้ว ทางสนามที่มีมาตรฐาน เรื่องระบบความปลอดภัยจะมีมาให้อยู่แล้ว ทั้งรถโกคาร์ทที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยที่มีมาตรฐาน มีระบบจัดการควบคุมความเร็วรถได้ในระยะไกล (ลดความเร็วด้วยรีโมทคอนทโรล) รวมถึงเซทสนามให้มีอุปกรณ์กันชนที่ปลอดภัย และมีการจัดอบรมก่อนลงสนามทุกครั้ง เพื่อให้ผู้ขับได้รู้กฎกติกา สัญญาณจราจรก่อนลงสนาม ส่วนผู้ขับเองก็ต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของสนามอย่างเคร่งครัด สวมหมวกกันนอคแบบเต็มใบ สวมถุงมือแบบหนา ใส่รองเท้าหุ้มส้น และต้องมัดหรือรวบผมให้อยู่ในหมวกกันนอคเท่านั้น สวมเสื้อผ้าที่รัดกุมร่างกาย เพราะเครื่องยนต์กับล้อรถอยู่ใกล้กับผู้ขับ เทคนิคขับโกคาร์ทขั้นเทพ กว่าจะมาเป็น "ขั้นเทพ" ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องฝึกฝนให้รอบด้าน เริ่มจากศึกษากฎกติกาในการขับหรือการแข่งขัน ต้องปรับตัวให้มีความคุ้นเคยกับตัวรถให้มากที่สุด เช่น การปรับระยะห่างของที่นั่งกับเบรคและคันเร่งต้องมีระยะที่พอดี เมื่อเหยียบเบรคหรือคันเร่งจนสุด ขาต้องงอเล็กน้อย เผื่อช่วงตัวที่อาจขยับ (หน้า-หลัง) ระหว่างการขับ เพื่อให้เหยียบคันเร่งและเบรคได้เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับระยะห่างของพวงมาลัยกับมือ ให้หมุนได้อิสระ ไม่ฝืน เมื่อท่านั่งกับรถเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ต้องรู้จักการขับเข้าไลน์อย่างถูกต้อง แบบ out-in-out ส่วนใหญ่จะใช้ในโค้งแคบ เช่น เข้าโค้งด้านขวา ก่อนเข้าโค้ง ผู้ขับต้องบังคับรถให้ชิดขอบทางด้านซ้ายให้มากที่สุด แล้วพารถให้ตัดเข้ากลางโค้ง แล้วบานออกไปทางด้านซ้ายพร้อมกับเดินคันเร่งเท่าที่จะทำได้ พยายามใช้ความเร็วให้เต็มที่ในทุกช่วงของสนาม แต่อย่าให้รถมีอาการลื่นไถลเด็ดขาด อย่าเหยียบเบรคหนักเกินไปถ้าไม่จำเป็น เพราะกำลังของเครื่องยนต์จะถูกตัดทอนให้ลดลง เร่งทำความเร็วขึ้นไปได้ช้า รวมถึงเสียจังหวะในการขับอีกด้วย นอกจากนี้ยังต้องฝึกสมาธิในการขับ อย่าใจลอย ต้องมองทางในระยะไกลในโค้งข้างหน้าอยู่เสมอ ที่สำคัญต้องได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ มีการลองผิดลองถูกบ้าง อาจติดกล้องบันทึกการขับไว้ที่รถหรือศรีษะของผู้ขับ แล้วนำมาเปิดดูเพื่อหาข้อผิดพลาด แล้วนำมาแก้ไขพัฒนาให้ดีขึ้น แนะนำให้ทำเวลาให้ใกล้เคียงกันทุกรอบ ถ้าทำได้ เวลาจะค่อยๆ ลดลงเอง แข่งเสร็จ อิ่มท้องที่ Breeze cafe & Bar ขับโกคาร์ทเสร็จแล้ว ท้องก็เริ่มหิว แนะนำร้าน Breeze cafe & Bar ที่เปิดใหม่เอาใจนักโกคาร์ท อยู่ด้านข้างของ Impact Speed Park มีทั้งโซนด้านนอกที่บรรยากาศดี ริมทะเลสาบ อิมแพคท์ เลคฟรอนท์ และโซนด้านในตกแต่งสไตล์ Kinfolk มีทั้งอาหารฟิวชันตะวันตก และไทย ภายใต้การคัดสรรเมนูจากเชฟชื่อดังชาวออสเตรเลีย มีประสบการณ์การทำอาหารในโรงแรมระดับนานาชาติกว่า 20 ปี เมนูแนะนำได้แก่ Wagyu Beef Rap, Erica Ragusa Stony sauce and beef ribs. Salads, quinoa and roasted vegetables. Salmon salad with glass noodles, Chocolate Crepe Cake นอกจากนี้ยังมีบาร์กาแฟ และเครื่องดื่ม พร้อมเสิร์ฟให้หายเหนื่อยอีกด้วย เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 - 24.00 น. โทร.02-033-1851  

สนุกแค่ไหน .. ต้องมาลองด้วยตัวคุณเอง !