รู้ก่อนสาย ! สาเหตุไฟไหม้ห้องเครื่อง

ระยะหลังมานี้ เรามักได้ยินข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้รถ ทั้งที่ไม่ใช่รถติดแกส และไม่ได้ประสบอุบัติเหตุ โดยเกิดขณะกำลังขับรถอยู่ดีๆ นี่แหละ แถมส่วนใหญ่ต้นเพลิงจะเริ่มมาจากห้องเครื่องยนต์ ไฟไหม้จากห้องเครื่องยนต์เกิดจากอะไร และมีวิธีตรวจสอบ หรือป้องกันอย่างไร "autoinfo.co.th" หาคำตอบมาให้แล้ว  

1. น้ำมันเบนซินรั่ว ใครที่ใช้รถเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่มีความไวไฟสูง ต้องหมั่นตรวจสอบการรั่วไหล โดยเฉพาะบริเวณหัวฉีด หรือตัวควบคุมความดันเบนซิน จุดนี้จะมีแหวนยาง (O-RING) คอยป้องกันไม่ให้ไอน้ำมันเบนซินไหลเล็ดลอดออกมาได้ ถ้าหากแหวนยาง (O-RING) เสื่อมสภาพ ในจังหวะที่หัวเทียนจุดระเบิด ประกายไฟจากหัวเทียนอาจรั่วลามขึ้นมาเจอกับไอน้ำมันเบนซิน จนเกิดการลุกไหม้ ถ้าสังเกตเห็นว่ารอบๆ แหวนยาง (O-RING) บริเวณหัวฉีดมีคราบน้ำมันเลอะอยู่ แสดงว่า "รั่ว" แล้ว ให้เปลี่ยนแหวนยาง (O-RING) ใหม่ทันที และต้องเป็นของแท้เท่านั้นจึงจะสามารถทนไอน้ำมันเบนซินได้ ส่วนรถเครื่องดีเซล เนื่องจากน้ำมันดีเซลไม่ติดไฟ การจุดระเบิดจึงใช้การฉีดฝอยละอองน้ำมันเข้าไปในห้องเผาไหม้ที่ถูกบีบอัดจนร้อนจัด แต่ก็ยังมีโอกาสที่น้ำมันดีเซลจะติดไฟได้ ถ้ารั่วไหลไปโดนท่อไอเสียใกล้ฝาสูบที่ร้อนจัด 2. สายไฟเก่า หมดอายุ ระบบไฟฟ้าในรถเป็นส่วนสำคัญที่ต้องระวัง โดยเฉพาะรถเก่า ที่สายไฟภายในห้องเครื่องเริ่มกรอบ แตก หากเกิดลัดวงจรขึ้น ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ติดไฟได้เช่นกัน เช่นเดียวกับสายหัวเทียน หากรั่วแล้วบังเอิญเจอกับน้ำมันเบนซินที่ซึมอยู่ ก็จะลุกติดไฟอย่างง่ายดาย ดังนั้น หากตรวจพบสายไฟในห้องเครื่องยนต์ สายหัวเทียน และกล่องฟิวส์ เก่า กรอบ แตก ควรรีบเปลี่ยนโดยด่วน 3. น้ำมันหล่อลื่นรั่ว หลายคนอาจสงสัยว่า น้ำมันหล่อลื่นจะทำให้เกิดไฟไหม้ได้ด้วยหรือ จริงๆ แล้วมีโอกาสสูง เพราะน้ำมันหล่อลื่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันเครื่อง หากรั่วออกมาและบังเอิญไปหยดโดนท่อไอเสียที่ร้อนจัด (บริเวณที่อยู่ใกล้ฝาสูบ) จะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นไอ จนสามารถลุกติดไฟได้ ซึ่งกรณีนี้รวมถึงน้ำมันดีเซลด้วย ดังที่กล่าวข้างต้น ดังนั้น ถ้าเราเห็นว่ามีคราบน้ำมันอะไรก็แล้วแต่รั่วออกมา ให้รีบนำรถเข้าซ่อมแซมทันทีครับ ***กรณีรถจอดดับเครื่องยนต์ล่ะ จะมีโอกาสเกิดไฟไหม้ได้หรือไม่ ? คำตอบคือ "ได้" ถ้าสายไฟฟ้าลัดวงจร (ข้อ 2)