ทดลองขับ
ทดลองขับ The All-New MINI Countryman ครอสส์โอเวอร์ติดเทอร์โบ
มีนี ประเทศไทย จัดกิจกรรมพิเศษ The All-New MINI Countryman Press Drive นำรถ MINI Countryman Cooper จำนวน 2 คัน MINI Countryman Cooper S และ MINI Countryman Cooper S Hightrim อีก 4 คัน มาให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ เพื่อสัมผัสความเปลี่ยนแปลง ทั้งดีไซจ์นภายนอกอันโดดเด่น และการตกแต่งภายในอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ กำลังขับเคลื่อน แรงบิดเหนือระดับ และการขับขี่ที่สนุกสนานในแบบฉบับของ MINI พร้อมสัมผัสสมรรถนะการขับขี่ของรถยนต์ MINI Countryman โฉมใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติแบบสบายๆ ในสไตล์ "ADD STORIES" ระหว่างวันที่ 19-20 มิถุนายน 2560 ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
MINI Countryman โฉมใหม่ เป็นรถยนต์ที่ได้รับการพัฒนาจากรถยนต์ขนาดเล็กอเนกประสงค์ คอมแพคท์พรีเมียม ในรูปแบบ Sport Activity Vehicle ที่ยังคงให้ความรู้สึกแบบ go-kart อีกทั้งดีไซจ์นรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน รวมถึงเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากขึ้นในทุกการใช้งาน โดยเฉพาะกลุ่มที่รักในการเดินทาง ชื่นชอบการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และใช้งานสำหรับการขับขี่ในเมืองในชีวิตประจำวัน
MINI Countryman เจเนอเรชันที่ 2 มีขนาดรถยนต์ที่ใหญ่และกว้างขึ้นกว่าเดิม ด้วยขนาดความยาวที่เพิ่มขึ้นถึง 200 มม. ความกว้างที่เพิ่มขึ้นอีก 30 มม. และฐานล้อที่ยาวขึ้น 75 มม. แต่ยังคงดีไซจ์นอันเป็นเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมด้วยรูปลักษณ์อันแข็งแกร่งและโครงสร้างแบบเส้นตรง รวมไปถึงหลังคาแบบ helmet roof แถบโครเมียมบริเวณ Shoulder Line และทรวดทรงที่คลาสสิคของรถยนต์ MINI ผสมผสานดีไซจ์นที่แปลกใหม่ อย่างไฟหน้าที่มาพร้อมกับ Daytime Running Light แบบวงแหวนเป็นครั้งแรก ที่สะดุดตาทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ซุ้มล้อหน้า/หลัง เพิ่มเหลี่ยมมุม นูนออกมา ดูแน่นหนา มีมัดกล้ามตามสไตล์รถลุย เสริมเส้นขอบโลหะที่ล้อมรอบส่วนแถบสีดำที่โอบล้อมตัวรถและซุ้มล้อ
MINI Countryman Cooper S และ MINI Countryman Cooper S Hightrim มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ไฟ MINI Logo Projection และไฟ LED Welcome Light ส่องจากใต้กระจกมองข้างฝั่งคนขับ ฉายโลโก MINI บนพื้นทุกครั้งที่เปิดประตู เพื่อเริ่มต้นการเดินทาง และเมื่อปิดประตูลอครถ ทำให้ทั้ง 2 รุ่นนี้เด่นกว่า MINI Countryman Cooper
ตอบสนองทุกการใช้งานด้วยขนาดรถที่ใหญ่ขึ้นของ MINI Countryman โฉมใหม่ ทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างมากยิ่งขึ้น ทั้ง Headroom Legroom และ Shoulder room กลายเป็นรถยนต์ 5 ที่นั่งแบบเต็มตัว และช่องเก็บสัมภาระที่มีความจุเพิ่มขึ้นโดยมีความจุมากถึง 450 ลิตร และยังสามารถขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 1,309 ลิตร เมื่อทำการพับเบาะที่นั่งหลังซึ่งแยกกันที่สัดส่วน 40:20:40 เพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งานที่หลากหลาย
การตกแต่งภายใน MINI Countryman เน้นความสะอาดตาและเฉียบคม เลือกใช้เส้นสายในแนวราบ ดูกว้างขวางและทันสมัยยิ่งขึ้น ไฟ LED ปรับสีได้ สร้างความหลากหลายในอารมณ์ของผู้ขับ และพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง พร้อมช่องเก็บขวดน้ำขนาด 1 ลิตร บริเวณข้างประตู
MINI Countryman โฉมใหม่ เพิ่มมาตรวัดความเร็วทรงกลมเหนือคอพวงมาลัย ส่วนในกรอบทรงกลมขนาดใหญ่กลางคอนโซล ใน MINI Countryman Cooper S Hightrim เป็นหน้าจอขนาด 8.8 นิ้ว มาพร้อมระบบสัมผัส (ครั้งแรก) ซึ่งทำหน้าที่เป็นจอแสดงผลข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Navigation ข้อมูลของตัวรถ ความบันเทิง และโทรศัพท์ นอกจากนี้ยังมีฟังค์ชันต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น MINI Country Timer ที่ช่วยตรวจจับและแสดงข้อมูลขณะขับขี่บนพื้นถนน และ MINI Connected ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยในยามเดินทาง แสดงพิกัดของรถ และข้อมูลต่างๆ ผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
MINI Countryman โฉมใหม่ มี MINI Picnic Bench ซึ่งสามารถกางออกเป็นที่นั่งพิคนิคสำหรับ 2 คนได้ เพียงใช้เท้าไปจ่อที่บริเวณใต้กันชนท้ายสามารถควบคุมการเปิด/ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า Easy Opener เมื่อมีกุญแจรถอยู่กับตัวเท่านั้น หรือสามารถเปิดด้วยปุ่มด้านประตูข้างคนขับและปิดด้วยปุ่มที่ฝากระโปรงท้าย
MINI Countryman เจเนอเรชันที่ 2 ใช้ขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ใหม่ล่าสุด MINI TwinPower Turbo ที่ให้สมรรถนะในการขับขี่สูงกว่าเดิม และการตอบสนองที่ดีขึ้น
MINI Countryman Cooper เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 4,400-6,000 รตน. พร้อมแรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ที่ 1,400-4,300 รตน. ดีกว่าเจเนอเรชันแรก ที่มี 122 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 16.3 กก.-ม. ที่ 4,250 รตน. และทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ นอกจากส่งผลให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาน้อยลง เหลือเพียง 9.6 วินาที ความเร็วสูงสุดเพิ่มจาก 182 กม./ชม. เป็น 200 กม./ชม. และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 16 กม./ลิตร ดีกว่าเดิม 4 กม./ลิตร ระดับการปล่อย CO2 เพียง 148 กรัม/กม.
MINI Countryman Cooper S และ MINI Countryman Cooper S Hightrim ขับเคลื่อนด้วยเบนซิน เทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 3,000-6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 28.6 กก.-ม. ที่ 1,350-4,600 รตน. ดีกว่าเจเนอเรชันแรก ที่มี 184 แรงม้า ที่ 5,500-6,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 24.5 กก.-ม. ที่ 1,600-5,000 รตน. และทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบสปอร์ท ทำให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาลดลงจาก 7.8 วินาทีเหลือ 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 224 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 16 กม./ลิตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่ 143 กรัม/กม.
MINI Countryman โฉมใหม่ ถ้าจะเรียกว่า MINI MAX ก็ไม่ผิดอะไร ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ และภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง พื้นที่เหนือศีรษะมากกว่า MINI ทั้งหมด ส่วนเรื่องสมรรถนะแม้ไม่จัดจ้านเท่ากับรุ่นเล็ก แต่ก็แรงพอที่จะตามทันในช่วงปลาย 6 เกียร์กับเครื่องเล็ก และ 8 เกียร์กับเครื่องใหญ่ ทำให้ประหยัดใกล้เคียงซิทีคาร์
หลังจากได้ทดลองขับทั้งทางเรียบ ใช้งานทั่วไปมาแล้ว ก็มาถึงบทบาทลุยฝุ่น ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง ด้วยความสูงใต้ท้องแบบครอสส์โอเวอร์ ด้วยพื้นที่กว้างขวางที่สามารถรองรับผู้โดยสารรวมสัมภาระได้ถึง 5 คน MINI Countryman โฉมใหม่ ยังเป็นรถยนต์ที่เหมาะสมต่อการเดินทางท่องเที่ยว
MINI ยังมีเทนท์หลังคา Autohome โครงสร้างเส้นใยแก้ว (fibreglass) สร้างคุณสมบัติในการลดแรงต้านอากาศและเสียงรบกวนจากลม ฟีเจอร์อื่นๆ ของตัวเทนท์ยังรวมไปถึงที่นอนแบบหนา พร้อมผ้าปูที่นอนผ้าฝ้าย ประตูและหน้าต่างอย่างละ 2 บาน พร้อมซิพสำหรับเปิด/ปิดมุ้งกันแมลงแบบตาละเอียด และไฟ LED แบบใส่ถ่านในตัวเทนท์ รวมไปถึงตาข่ายและกระเป๋าสำหรับเก็บของใช้ส่วนตัว พร้อมบันไดอลูมิเนียมสำหรับปีนขึ้นสู่หลังคาของ MINI Countryman โฉมใหม่
ส่วนเรื่องราคานั้นเริ่มต้นที่ MINI Countryman Cooper 2,339,000 บาท MINI Countryman Cooper S 2,699,000 บาท และ MINI Countryman Cooper S Hightrim 2,999,000 บาท ยังไม่มีรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล และขับเคลื่อน 4 ล้อ
นอกเหนือจากสมรรถนะและดีไซจ์นที่โดดเด่นของ MINI ทุกรุ่นแล้ว อีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุด คือ ความสบายใจของลูกค้ากับพโรแกรม MINI Service Inclusive โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือตลอดระยะทาง 100,000 กม. (ขึ้นอยู่กับกำหนดใดที่ถึงก่อน) นอกจากนี้ MINI ยังมีพโรแกรมการรับประกันที่ขยายขอบเขตการคุ้มครองเป็นตลอดระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย
เรื่องโดย : thanasan saowamol
ภาพโดย : mini
คอลัมน์ Online : ทดลองขับ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/176571