บริษัทแทกซีในเมืองที่สภาพการจราจรหนาแน่น น่าจะมีตัวเลือกอันดับแรกเป็นการใช้รถไฟฟ้า เพราะปัจจุบัน ราคาค่าใช้จ่ายทั้งราคาตัวรถและค่าเชื้อเพลิง หรือค่าไฟฟ้าได้ลดลงมาในระดับที่สามารถเปรียบเทียบได้กับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกันแล้วปัจจุบัน แทกซี ในริโอ เดอ จาเนโร และอีกหลายแห่งในเมืองใหญ่ๆ ในโลกนี้ จากเดิมที่เคยพูดกันว่า แทกซีไฟฟ้าราคาแพง หรือขนาดรถเล็กเกินกว่าจะเอามาทำแทกซี แต่ Nissa Leaf นับเป็นผู้ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงความเห็นเหล่านี้ นับแต่เริ่มแนะนำตัวเมื่อปี 2553 แต่ถึงกระนั้น ก็กินเวลากว่า 3 ปี ก่อนที่บริษัทแทกซีจะยอมตัดสินใจขายรถแทกซีที่ใช้เครื่องยนต์แบบดั้งเดิม กลับมาซื้อรถไฟฟ้าไปใช้งานแทน สิ่งเหล่านี้เร่ิ่มต้นมาจากประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรก แต่ก็แพร่หลายไปยังทั่วทุกมุมโลกด้วยความรวดเร็ว จนปัจจุบัน มีบริษัทแทกซีนับไม่ถ้วน ทั้งในยุโรป, อเมริกากลาง และอเมริกาเหนือ แม้แต่ในตะวันออกกลาง ที่ต่างก็ใช้รถไฟฟ้า Nissan Leaf หรือ รถมีนีแวน NV200 นอกเหนือจากระยะทางวิ่งที่ยังจำกัดอยู่ โดยเฉพาะสำหรับ Nissan Leaf รุ่นเก่า การใช้รถยนต์ไฟฟ้าทำเป็นแทกซี ยังนับว่ามีความสมเหตุสมผล เพราะสามารถตัดค่าใช้จ่ายได้มาก อาทิ ค่าบำรุงรักษา และค่าใช้จ่าย/กม. ก็ต้องบอกว่าต่ำกว่ารถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นพลังงานมาก แต่สิ่งที่แตกต่าง ก็คือ การเสียเวลาในการชาร์จแบทเตอรี และในอนาคต หากเป็นการชาร์จแบบด่วน ใช้เวลาชาร์จเพียงครึ่งชั่วโมง สำหรับการเดินทางระยะ 300 กิโลเมตร ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป สำหรับข้อจำกัดเรื่องระยะการเดินทาง แต่เมื่อใช้งานภายในเมืองที่ไม่ไกลมากนัก ทำให้ไม่ไกลจากสถานีบริการชาร์จไฟฟ้าซึ่งอยู่ภายในเมืองเช่นกัน แต่ผลพลอยได้เรื่องสุขภาพเป็นสิ่งที่ได้ประโยชน์สำหรับทุกคน เพราะไม่มีทั้งมลภาวะและเสียงดัง แม้ว่าจะเป็นรถในจำนวนที่มากเท่าใด ปัจจุบัน Nissan มีรถแทกซีไฟฟ้าวิ่งอยู่บนถนนมากกว่า 2,000 คัน ทั่วโลก จำนวนนี้กว่า 1,200 คัน วิ่งอยู่ในยุโรป แต่ในปัจจุบัน Nissan Leaf รุ่นดั้งเดิม เริ่มทยอยหมดอายุการใช้งาน แต่ Nissan ก็ฉลาดพอที่จะใช้ความพยายามในการขายรถไฟฟ้ารุ่นเดิมอีกครั้ง หมายความว่าคุณสามารถหาซื้อ Leaf คันใหม่ที่ได้ในราคาพิเศษ ซึ่งหมายความว่ามีรถแทกซีพลังไฟฟ้าราคาถูก สำหรับผู้ที่สนใจ หรือผู้ที่ไม่เสียเวลาคอยรถรุ่นใหม่ๆ ที่มีการปรับปรุงทั้งระยะทางในการเดินทาง รวมทั้งราคาขายเช่นกัน