ทดลองขับ Mercedes-Benz E350e ซีดานหรู Plug-In Hybrid

Mercedes-Benz จัดกิจกรรมทดลองขับ Mercedes-Benz E 350 e พร้อมยกขบวนรถยนต์ Plug-in Hybrid ภายใต้รหัส EQ-Electric Intelligence by Mercedes-Benz ประกอบด้วย C 350 e ซีดานและเอสเตทรุ่นเล็ก 4 คัน S 500 e ซีดานหรูรุ่นใหญ่ 6 คัน GLE 500 e เอสยูวีคันหรู 4 คัน และ E 350 e ซีดานพรีเมียมน้องใหม่ ที่เปิดตัวล่าสุด อีก 5 คัน ในเส้นทางกรุงเทพฯ-พังงา E 350 e ซีดานระดับพรีเมียมที่ผสมผสานเทคโนโลยี พลัก-อิน ไฮบริด และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ไว้ในรถยนต์ตระกูล E-CLASS สำหรับ E 350 e มีให้เลือก 3 รูปแบบด้วยกัน คือ Avantgarde Exclusive และ AMG Dynamic E 350 e รุ่น Avantgarde มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED High Performance สำหรับรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ Multibeam LED ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS–Intelligent Light System) ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS–Active Light System) ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus) รุ่น AMG Dynamic ใช้ล้ออัลลอย AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด/ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า กันชนหน้า/หลัง และสเกิร์ทข้าง AMG จานเบรคหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน และสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิเพอร์เบรคหน้า ภายในห้องโดยสารยังคงใช้อุปกรณ์ตกแต่งคุณภาพสูง เบาะที่นั่งด้านหลังสามารถพับลง แบบ 1/3 และ 2/3 เพื่อความสะดวกในการบรรจุสัมภาระ ซึ่งรุ่น Avantgarde และ Exclusive ภายในได้รับการตกแต่งสไตล์หรูหรา หุ้มหนัง Artico พวงมาลัยแบบมัลทิฟังค์ชันหุ้มหนัง Nappa ในขณะที่รุ่น AMG Dynamic จะมาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa, พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันแบบสปอร์ทท้ายตัดหุ้มหนัง Nappa นอกจากนี้ รุ่น Exclusive และ AMG Dynamic หน้าจอแสดงผลข้อมูลแบบ Widescreen Cockpit สำหรับรุ่น AMG Dynamic จะมาพร้อมกับระบบแสดงผลข้อมูลการขับบนกระจกบังลมหน้า (Head-up Display) ระบบความบันเทิง ทั้ง 3 รุ่น ติดตั้งระบบ Comand Online พร้อมระบบควบคุมและสั่งงานผ่าน Touchpad ระบบสั่งการด้วยเสียง (Linguatronic) เฉพาะภาษาอังกฤษ และระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless charging for mobile phone) สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ (Bluetooth) ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™) และ Android (Android Auto) รวมทั้งติดตั้งระบบแผนที่นำทาง พร้อมเพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสารด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สีอีกด้วย ในรุ่น AMG Dynamic ยังมาพร้อมกับระบบเสียงลำโพงรอบทิศทาง Burmester® เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. แรงบิด 35.7 กก.-ม. หรือ 350 นิวตัน-เมตร ที่ความเร็วรอบ 1,200-4,000 รตน. และกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 88 แรงม้า แรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ 44.9 กก.-ม. หรือ 440 นิวตัน-เมตร ซึ่งเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมกัน 286 แรงม้า หรือ 210 กิโลวัตต์ และมีแรงบิดสูงถึง 56.1 กก.-ม. หรือ 550 นิวตัน-เมตร ให้สมรรถนะเทียบเท่ารถสปอร์ทแต่มีอัตราการใช้พลังงานต่ำกว่ารถยนต์คอมแพคท์ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-Tronic Plus) พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ความประหยัด E 350 e มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยถึง 40-47.62 กม./ลิตร พร้อมด้วยการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ เพียง 49-57 กรัม/กม. รวมถึงขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 33 กม. ซึ่งในครั้งนี้ E 350 e ทั้ง 5 คันได้รับโจทย์ระยะทาง 100 กม. ใช้เวลาเพียง 1 ชม. นอกจากต้องใช้ความเร็ว ยังต้องเจอฝนตกหนัก ถนนลื่น ผลที่ได้ คือ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ 21-25 กม. ความเร็ว 90-104 กม./ชม. และอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.25 กม./ลิตร E 350 e มาพร้อมกับระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist) เซนเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (Parktronic) โดย รุ่น Avantgarde จะมาพร้อมกับกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ รุ่น Exclusive และ AMG Dynamic จะมาพร้อมกับกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง รวมถึงระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Distance Pilot Distronic) และระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) ที่ติดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก ใน Mercedes-Benz E-Class อีกด้วย